ชลบุรี 27 ก.ค.- กรมอุทยานฯ เผยลูกช้างป่า “ตุลา” มีอาการหวาดระแวง ตื่นตกใจ และอ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อม สัตวแพทย์กำลังวินัจฉัยว่า มาจากระบบประสาทผิดปกติหรือไม่ แต่เพิ่มความระมัดระวังในการดูแล ขณะที่ “มีนา” ลูกช้างป่าอีกตัว แข็งแรงดี ล่าสุดน้ำหนักเกิน 200 กิโลกรัมแล้ว
นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) (สบอ. 2) กล่าวว่า ได้สั่งการให้สัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่เพิ่มความระมัดระวังในการดูแลลูกช้างป่าพลัดหลงเพศผู้ “ตุลา” ซึ่งอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) จ.ฉะเชิงเทรา เนื่องจากได้รับรายงานจาก ส.พญ. มัชฌมณ แก้วพฤหัสชัย หัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) ว่าจากการสังเกตพฤติกรรมในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า ลูกช้างมีอาการหวาดระแวง กลัว ตื่นตกใจ และอ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงพี่เลี้ยง จึงได้ดูแลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น พร้อมลดปัจจัยต่างๆ ที่จะทำให้เกิดความกลัวและความเครียด
สำหรับสาเหตุของความผิดปกติด้านพฤติกรรมดังกล่าว ทีมสัตวแพทย์กำลังวินิจฉัยซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า อาจมาจากความผิดปกติของระบบประสาท
ส่วนอาการบาดเจ็บที่ขาหลังขวาซึ่งกระดูกร้าวนั้น ดีขึ้นตามลำดับ เดินลงน้ำหนักขาหลังขวาได้บ้าง ยังมีเดินกะเผลกบ้างหรือพักขาบางครั้ง สัตวแพทย์ทำเลเซอร์บริเวณหัวเข่าที่เจ็บ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เสริมแคลเซียม วิตามินบีรวมบำรุงปลายประสาท วิตามินซีเพิ่มภูมิคุ้มกัน และยาบำรุงข้อให้กินทุกวัน
ขณะนี้สุขภาพโดยรวมทรงตัว กินนมผสมธัญพืชปั่น หญ้าปั่น และกล้วยดิบปั่นได้ดี ชั่งน้ำหนักได้ 166.1 กิโลกรัม ผลการตรวจเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ล่าสุดเป็นลบ แต่ต้องตรวจติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยสัตวแพทย์และพี่เลี้ยงดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วน “มีนา” ลูกช้างป่าเพศเมียซึ่งอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) เช่นกัน สัตวแพทย์รายงานว่า สุขภาพโดยรวมแข็งแรงมาก ร่าเริงดี กินนมผสมธัญพืชปั่นและหญ้าปั่นได้ดี เริ่มกินอาหารหยาบ ได้แก่ หยวกกล้วยสับ ใบกล้วย ผลไม้ ได้แก่ กล้วยน้ำว้า มะม่วงสุก รวมถึงเริ่มฝึกให้กินหญ้าขนเสริม พร้อมทั้งให้วิตามินซี วิตามินบีรวม และแคลเซียม ชั่งน้ำหนักล่าสุดได้ 213 กิโลกรัม
ส่วนผลตรวจเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์เป็นลบ ชั่งน้ำหนักล่าสุดได้ สัตวแพทย์และพี่เลี้ยงดูแลใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย