“พระพยอม” ถูกไล่ที่วัดสวนแก้ว เชื่อกฎแห่งกรรมมีจริง

วัดสวนแก้ว 14 มิ.ย. – “พระพยอม” ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญกฎหมาย ระบุเอกสารเจ้าของที่ดินพิพาทไม่มีอำนาจบังคับตามกฎหมาย จึงจะต้องรอคำสั่งศาลที่ชัดเจนจึงจะเริ่มเคลื่อนย้ายสิ่งของออกจากพื้นที่
 

พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวว่า ก็ต้องยอมรับในคำตัดสินของศาลที่ออกมาแล้ว แต่ทั้งนี้ในส่วนของข้อมูลหรือเอกสารที่ทนายความ และเจ้าของที่ดินที่มีข้อพิพาท ได้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายหลายท่าน เช่น อาจารย์ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม และอาจารย์สมบัติ วงศ์กำแหง โดยระบุว่าเอกสารที่ทางวัดได้มาแล้วระบุว่าให้ออกจากพื้นที่พิพาทภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ เป็นเพียงใบสนเท่ห์ หรือเอกสารข่มขู่ ที่ต้องการให้ออกจากพื้นที่เท่านั้น ซึ่งในทางกฎหมายแล้วหากยังไม่มีหมายศาล หรือหมายบังคับคดีที่ระบุระยะเวลาให้ออกจากพื้นที่แน่นอนก็ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบย้ายออกจากพื้นที่นั้นแต่อย่างใด ซึ่งอาจจะยังไม่ต้องให้ลูกจ้างที่อาศัยในพื้นที่นั้นออกมาในช่วงนี้ให้อยู่ไปก่อนจนกว่าจะมีคำสั่งศาลที่ชัดเจนมาสั่งอีกครั้ง
 
 
พระพยอม กล่าวอีกว่า ไม่รู้ว่าเจ้าของพื้นที่ใจร้อน หรือใจร้าย ที่จะเร่งให้ออกจากพื้นที่เร็วขนาดนี้ ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวเมื่อวัดซื้อมา ได้ใช้เวลาพัฒนากว่า 2 ปี 7 เดือน แต่กลับจะมาขอมาไล่ให้ออกภายในเดือนเดียว น่าจะเห็นใจให้วัดได้ใช้ประโยชน์คุ้มกับเงิน 10 ล้านบาท ที่เสียไปก็ยังดี สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นจะเป็นบทเรียนเป็นตัวอย่างให้ทุกคนต้องมีความรอบคอบ ตรวจสอบสิ่งต่างๆให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ ให้สังคม ให้คนที่ฉ้อฉลมีกลโกงได้เกรงกลัวต่อความผิด โดยแม้กฎหมายจะไม่สามารถให้ความเป็นธรรมกับทุกคนได้ แต่เชื่อว่ากฎแห่งกรรมจะทำหน้าที่ของตัวเองได้ เขาชนะคดี แต่เขาไม่ชนะใจประชาชน ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจ เช้านี้บิณฑบาตรก็ได้รับกำลังจากชาวบ้าน แต่อาจต้องทำความเข้าใจกับทุกคนว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของวัดสวนแก้วกว่า 210 ไร่ ยังอยู่ไม่ได้ถูกยึดไป มีเพียงแค่ที่ผืนเดียว 1 ไร่ ที่มีปัญหาเท่านั้น พื้นที่ทั้งหมดยังสามารถสร้างประโยชน์ สร้างงานให้กับคนที่เดือดร้อนได้มีที่อยู่ มีงาน มีอาชีพได้อีกมาก
 

ขณะที่ประชาชนที่เดินทางมากราบนมัสการ เที่ยวชมวัด ต่างเห็นใจเจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ซึ่งวัดได้สร้างประโยชน์อย่างมากให้กับชุมชน ให้กับประชาชนที่ทั้งมาทำบุญ และที่เดือดร้อนจากที่ต่างๆได้มีที่พักพิง ซึ่งกรณีจะเป็นตัวอย่างเป็นข้อเตือนใจให้ทุกคนระวังในการธุรกรรมต่างๆ ต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ต้องให้ความรู้ และให้ความเป็นธรรมกับประชาชนอย่างเท่าเทียม .- สำนักข่าวไทย
📷 ภาพโดย ชำนาญวุฒิ สุขุมวานิช ทีมช่างภาพ สำนักข่าวไทย อสมท
 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เครื่องบินภูเก็ตมุ่งหน้ามอสโก ขอลงจอดฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ

เที่ยวบิน 777-300ER สายการบิน Aeroflot ขึ้นจากภูเก็ตไปมอสโก เตรียมลงสุวรรณภูมิ หลังบินวนกลางทะเลอันดามันหลายชั่วโมง จากปัญหาระบบลงจอดขัดข้อง

ไข้หวัดใหญ่ระบาด

ไข้หวัดใหญ่ระบาดในสหรัฐ-เสียชีวิตแล้ว 13,000 ราย

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี รายงานว่า พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลนี้อย่างน้อย 24 ล้านคนแล้วทั่วสหรัฐ

ตัดไฟเมียนมา

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันปลดพนักงานแล้วกว่าร้อยคน

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันออนไลน์และกลุ่มสแกมเมอร์ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ปลดพนักงานแล้วกว่า 100 คน เนื่องจากขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ทำให้พนักงานทยอยเดินทางออกจากท่าขี้เหล็ก กลับมาทางด่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบน อุ่นขึ้น 1-2 องศาฯ อากาศร้อนตอนกลางวัน

กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบน อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาฯ อากาศเย็นกับมีหมอกตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และยอดภูอากาศหนาว

เข้มทางบก แก๊งลักลอบเข้าเมือง หนีไปทางน้ำ

หลังมาตรการ Seal Stop Safe ชายแดนของรัฐบาล ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 30 มกราคม เพื่อเข้มงวด ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดตามเส้นทางต่างๆ พบขบวนการลักลอบเข้าเมืองด้านชายแดนกาญจนบุรี ซึ่งฝั่งตรงข้ามคือ เมืองพญาตองซู ของเมียนมา เลี่ยงไปใช้เส้นทางน้ำแทน

ทองไทยใกล้เป้าหมายบาทละ 5 หมื่น

ทองไทยเข้าภาวะกระทิง เปลี่ยนแปลงคึกคักวันนี้ (11 ก.พ.) ปรับเปลี่ยน 27 รอบ เข้าใกล้ 48,000 บาทต่อบาททองคำ มองเป้าหมายถัดไปที่ 50,000 บาทต่อบาททองคำ ด้านสภาทองคำโลก ชี้การซื้อทองเป็นการลงทุนมากกว่าการใช้เป็นเครื่องประดับ ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นตลาดทองคำที่แข็งแกร่งในปี 67 สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก