19 มี.ค.67 ทีมทนาย “บิ๊กโจ๊ก” แถลงโต้ 3 ข้อครหา ชี้มีความพยายามตั้งสำนวนฟอกเงินขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ “บิ๊กโจ๊ก” มีมลทินติดตัว
นายณัฐวิชช์ เนติจารุโรจน์ และนายวราชันย์ เชื้อบ้านกอบ ทีมทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาพัวพันเว็บพนันออนไลน์ เปิดโรงแรมในซอยสุขุมวิท 22 แถลง โต้ข้อกล่าวหา 3 ประเด็นหลักๆ ได้แก่ กรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นำเงินจากเว็บพนันออนไลน์ไปทำบุญกฐินพระราชทาน ที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา และออกใบอนุโมทนาบัตรในชื่อของตนเอง กรณีกล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ใช้เงินบัญชีม้า หรือเว็บพนันออนไลน์ ซื้อตั๋วเครื่องบินให้เจ้าหน้าที่ในสำนักงาน ป.ป.ช. และกรณี สน.เตาปูน พยายามออกหมายจับ “บิ๊กโจ๊ก” ฐานพัวพันเว็บพนันออนไลน์
โดยการแถลงข่าว ทนายความได้ชี้แจงทีละประเด็น เริ่มจากกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นำเงินจากเว็บพนันออนไลน์ไปทำบุญกฐินพระราชทาน จำนวน 2 แสนบาท ว่า ความจริงเงินจำนวน 200,000 บาทดังกล่าว เป็นของ น.ส.หลุยส์ ที่โอนผ่าน พ.ต.ท.คริษฐ์ ลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพื่อทำบุญทอดกฐิน และทางวัดได้ออกใบอนุโมทนาบัตร ในนามของ น.ส.หลุยส์ อย่างถูกต้อง เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2565
ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เดินทางไปที่วัดด้วยตนเอง ในวันที่ 29 ตุลาคม 2565 เพื่อทำบุญกฐินพระราชทาน จำนวน 200,000 บาท จากนั้นทางวัดได้ออกใบอนุโมทนาบัตร ในนาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ซึ่งเงินทำบุญของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นเงินส่วนตัว และเงินจากการรวบรวมมาบางส่วน ไม่เกี่ยวข้องกับเงินของ น.ส.หลุยส์
กรณีนี้ ผู้ไม่หวังดีจึงนำใบอนุโมทนาบัตรของ “บิ๊กโจ๊ก” ออกมาเปิดเผย และโยงกับใบอนุโมทนาบัตรของ น.ส.หลุยส์ ซึ่งต้องยอมรับว่า น.ส.หลุยส์ ใช้เงินจากบัญชีม้า โอนไปทำบุญผ่าน พ.ต.ท.คริษฐ์ จริง จึงใช้ข้อมูลนี้มาทำให้เกิดความเข้าใจผิดในตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เนื่องจากชุดจับกุมได้ไปค้นพบใบอนุโมทนาบัตรในรถของ พ.ต.ท.คริษฐ์
กรณีที่ 2 ทีมทนายความชี้แจงประเด็นกล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ใช้เงินบัญชีม้า หรือเว็บพนันออนไลน์ ซื้อตั๋วเครื่องบินให้เจ้าหน้าที่ในสำนักงาน ป.ป.ช. ว่า ความจริงคือ พ.ต.ท.คริษฐ์ ลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซื้อตั๋วเครื่องบินแบบไป-กลับ กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ให้กับตัวเอง ภรรยา และลูกชาย จำนวน 13,100 บาท เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565 กับทาง Agency โดยมีหลักฐานแชทไลน์ซื้อขายตั๋วและการโอนเงินอย่างชัดเจน
ทีมทนายความมองประเด็นนี้ว่า ผู้ไม่หวังดีน่าจะพบข้อมูลการแชทซื้อขายตั๋วเครื่องบิน ในมือถือของ พ.ต.ท.คริษฐ์ จึงนำมาใช้โจมตี เพื่อให้สังคมเห็นว่า ป.ป.ช.ไม่มีความชอบธรรมที่จะดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หรือไม่
ประเด็นที่ 3 ถือว่าเป็นประเด็นสำคัญมาก ทีมทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเส้นทางการเงินของ น.ส.พิมพ์วิไล ซึ่งถูกกล่าวหาเป็นผู้ทำธุรกรรมทางการเงินเพื่อพนันออนไลน์ อ้างว่า จากการตรวจสอบของทีมทนายความ ปรากฏว่า พบเส้นเงินที่โอนจากบัญชีของ น.ส.พิมพ์วิไล ไปยังข้าราชการตำรวจระดับสูง และบุคคลในครอบครัว ทั้งภรรยา พี่สาว และคนใกล้ชิด จำนวน 34 เส้นเงิน แต่ทั้งหมดนี้ไม่ถูกสอบสวนดำเนินคดี มีการเลือกเจาะจงดำเนินคดีเฉพาะ 3 เส้น ซึ่งพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน อ้างว่าพัวพันถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เท่านั้น ทั้งที่ความจริง น.ส.พิมพ์วิไล ก็เป็นผู้ต้องหาในคดีเว็บพนันมินนี่ ของ สน.ทุ่งมหาเมฆ ที่อยู่ในอำนาจไต่สวนของ ป.ป.ช. แล้ว แต่กลับมีความพยายามตั้งสำนวนคดีฟอกเงิน เพื่อเอาผิด “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” ทั้งที่ตำรวจไม่มีอำนาจการสอบสวนแล้ว จึงเชื่อว่าเป็นการพยายามทำให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีมลทินติดตัว โดยการเลือกเจาะจงจะดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ครั้งนี้ ทีมทนายความระบุว่า เป็นยุทธการอินทรีเลือกเหยื่อ
อย่างไรก็ตาม ทีมทนายมีบัญชีของแต่ละบุคคลและชื่อแล้ว หลังจากนี้จะยื่นข้อมูลให้ ป.ป.ช. ดีเอสไอ ผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายกรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการกับกลุ่มที่เกี่ยวข้อง
ภาพ ชำนาญวุฒิ สุขุมวานิช
