(8 ก.ย.66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังร่วมกิจกรรมเปิด “สดชื่นสถาน” ว่า แนวคิดเราคืออยากให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน คนไร้บ้านก็ถือว่าเป็นประชากรกรุงเทพฯ 100% เหมือนพวกเรา ดังนั้นจะทิ้งให้เขาลำบากไม่ได้ แล้วเขาก็เป็นกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือ เป็นกลุ่มเปราะบางกลุ่มหนึ่ง จริงๆ แล้วกรุงเทพฯ ก็มีคนที่สบายอยู่แล้วจำนวนพอสมควร เราก็ต้องดูแลคนเปราะบางเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น คนไร้บ้าน คนพิการ เด็กอ่อน เด็กต่างๆ ที่ ขาดทรัพยากร ซึ่งคนไร้บ้านไม่ใช่เรื่องถาวร เป็นแค่จังหวะในชีวิต เรียกว่าโชคร้าย ถ้าโอบกอดเขา ให้โอกาส คิดว่าคนกลุ่มนี้จะสามารถกลับมายืน และเข้าสู่ภาวะปกติได้ไม่ยาก แต่หากปล่อยให้เขาอยู่แบบไร้บ้านต่อไปจะยิ่งลำบากขึ้น และจะยิ่งออกจากวงจรยาก เพราะฉะนั้นเรื่องง่ายๆ เช่น มีห้องน้ำ ที่ซักผ้า อาหาร สิทธิประโยชน์ การดูแลรักษา การมีบัตรประชาชน สิ่งเหล่านี้จะทำให้หลุดจากวงจรได้ รวมทั้งต้องให้เขามีงานทำ พอมีงาน ก็สามารถไปเช่าบ้าน ไปตั้งชีวิตได้ ซึ่งกรุงเทพมหานครเต็มที่กับเรื่องนี้
.
ด้านรองผู้ว่าฯ ศานนท์ กล่าวว่า 1 ปีที่ผ่านมา เห็นแล้วว่าการร่วมมือช่วยกันคือหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงาน ซึ่งกรุงเทพมหานครก็คงไม่ได้มีงานมากเท่ากับภาคเอกชน รวมทั้งเรื่องการสร้างจุดสวัสดิการต่างๆ ให้เกิดขึ้นมากขึ้น ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่มาร่วมไม้ร่วมมือกัน และขอให้ร่วมมือกันต่อไปในอนาคต
.
สำหรับ”สดชื่นสถาน” เป็นสถานที่สำหรับปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้คนไร้บ้านเข้าถึงความสะอาดและการรักษาสุขอนามัยได้โดยง่าย สามารถเข้าถึงห้องน้ำ ห้องสุขา ได้อย่างปลอดภัย ถูกสุขภาวะ ลดผลกระทบในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งกทม. ร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา และภาคีเครือข่ายร่วมกันจัดขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน อาทิ otteri และบุญถาวรในการจัดสร้างห้องน้ำสาธารณะ ซึ่งแบ่งออกเป็นห้องสุขาแยกชายหญิงจำนวนอย่างละ 2 ห้อง และห้องอาบน้ำแยกชายหญิงอย่างละ 2 ห้อง รวมจำนวนทั้งสิ้น 8 ห้อง บริเวณใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ฝั่งถนนพระอาทิตย์









