กระแสลิซ่า ดัน “Soft Power” ไทยสู่อุตสาหกรรมฟื้นประเทศ

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – หลังจากเอ็มวีเพลงของ “ลิซ่า” ปลุกกระแสการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปสู่ต่างชาติ ทำให้รัฐบาลมีแนวคิดที่จะส่งเสริมวัฒนธรรมและบันเทิงไทยสมัยใหม่เป็น Soft Power ไปสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่ช่วยฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด-19


ยังคงเป็นกระแสที่ถูกพูดถึง หลังจาก ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BlackPink ปล่อยเพลงเดี่ยวเพลงแรกให้คนทั่วโลกได้รับชม ซึ่งในเอ็มวีเพลงยังสอดแทรกความเป็นไทย ทั้งเครื่องแต่งกาย ฉากหลังของเอ็มวี ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีถึงขั้นชื่นชม และมีแนวคิดส่งเสริมนำวัฒนธรรมไทย ผลักดันไปสู่การสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดอุตสาหกรรมส่งออก หรือ “Soft Power” ที่จะช่วยฟื้นเศรษกิจหลังโควิด-19

น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี หรือ มาดามเดียร์ ซึ่งผลักดันการยกระดับอุตสาหกรรมบันเทิงไทย สะท้อนว่า การขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยวัฒนธรรมไทย และเผยแพร่ไปทั่วโลก จะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยสร้างการจดจำให้กับต่างชาติ และทำให้อุตสาหกรรมบันเทิงไทยเป็นตัวกลางเชื่อมโยงไปสู่อุตสาหกรรมอื่น


การสร้างอุตสหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อการส่งออกวัฒนธรรมไทยให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ นอกจากการมีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่ดีแล้ว ยังต้องอาศัยการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมนี้ อย่างเช่นกรณีของลิซ่า ที่เติบโตและพัฒนาฝีมือจากประเทศเกาหลีใต้ ที่มีรูปแบบการพัฒนาอุตสาหกรรมบันเทิงและส่งออกทางวัฒนธรรมอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ไทยต้องหันมาพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมนี้อย่างจริงจัง ร่วมทั้งการสร้างสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการพัฒนา

การผลักดัน “Soft Power” ไทย ด้วยการสร้างอุตสหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อการส่งออกวัฒนธรรม แม้จะอยู่ในยุคสมัยที่เปิดกว้างด้านความคิดสร้างสรรค์ แต่ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่อาจเห็นต่าง ซึ่งหากจะขับเคลื่อนให้เป็นกลายเป็นอุตสหกรรมหลักของประเทศ จำเป็นจะต้องสร้างความเข้าใจ และกำหนดนโยบายในการขับเคลื่นให้เป็นรูปธรรม . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย