BIG STORY : แจ้งข้อหาเพิ่มได้ หากสารในเลือด “บอส” เป็นโคเคน

กทม. 31 ก.ค. – คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดี “วรยุทธ อยู่วิทยา” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันพบสารต้องสงสัยในเลือดนายวรยุทธ ตั้งแต่ปี 2555 แต่ที่ไม่แจ้งข้อหาเพราะไม่ชัดเจนที่มา แต่หากมีข้อมูลแน่ชัดสามารถแจ้งข้อหาเพิ่มได้

พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาดของอัยการสูงสุด พร้อมคณะแถลงผลการประชุมนัดที่ 3 หลังจากใช้เวลาประชุมเกือบทั้งวัน ในการประชุมได้เชิญอดีตพนักงานสอบสวนคดีนายวรยุทธมาให้ข้อมูล พร้อมสอบถามรายละเอียดของสำนวน และมีประเด็นสำคัญที่สังคมกำลังเคลือบแคลงสงสัยชี้แจง 2 ประเด็น


ประเด็นแรก คือ กรณีสาร “โคเคน” หรือ “โคเคอีน” ในเลือดของนายวรยุทธ จากข้อมูลของอดีตพนักงานสอบสวนชี้แจงว่า แพทย์ได้เจาะเลือดผู้ต้องหาเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ และผลตรวจออกมาวันที่ 11 กันยายน 2555 แพทย์ผู้ตรวจยืนยันสารที่พบในเลือดของนายวรยุทธ เกิดจากกระบวนการสลายตัวของสารที่เกิดจาก “โคเคน” กับ “แอลกอฮอล์” โดยไม่ได้เป็นการตรวจพบสารโคเคนโดยตรงในเลือด และแพทย์ยังตรวจพบสารอีก 4 ชนิด ในเลือดของนายวรยุทธ ประกอบด้วย
1.อัลพาโซแลม
2.Benzoylecgonine
3.Cocaethglene
4.สารคาเฟอีน
โดยสารที่ 1 เป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท อาจมาจากยานอนหลับ ส่วนสารที่ 4 คือสารที่พบในกาแฟ จึงไม่ใช่สารที่เป็นปัญหาในคดีนี้

สำหรับสารที่เป็นปัญหาในคดี คือ ชนิดที่ 2 และ 3 ที่มาจากการย่อยสลายโคเคนกับแอลกอฮอล์ ทางการแพทย์ยืนยันว่า สารชนิดที่ 2 Benzoylecgonine เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท เกิดได้ในร่างกายคนเมื่อเสพโคเคนและจัดเป็นยาเสพติด ส่วนสารชนิดที่ 3.Cocaethglene ไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท


พล.ต.อ.ศตวรรษ ระบุว่า ถ้าการตรวจเลือดพบสารชนิดที่ 2 และ 3 ในเลือดเท่ากับมีการเสพโคเคน หรือโคเคอีน แต่ในชั้นสอบสวนเมื่อปี 2555 นายวรยุทธอ้างว่าไปรักษาฟันกับหมอฟัน พนักงานสอบสวนจึงไปสอบปากคำหมอฟัน ซึ่งให้การยืนยันว่ารักษาฟันให้กับผู้ต้องหาจริง แต่ใช้เพียงยาปฏิชีวนะ “อะม็อกซี” ขนาด 500 มิลลิกรัม และไม่มีการใช้ยาเสพติดในการรักษา

อย่างไรก็ตาม สารชนิดที่ 2 และ 3 อาจมาจากยาปฏิชีวนะ หรือเกิดจากการเสพโคเคนของผู้ต้องหา ขณะนี้ยังสรุปไม่ได้ คณะกรรมการจะสอบถามเภสัชกรและผู้เชี่ยวชาญด้านยาเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง หากสรุปเป็นสารที่เกิดจากการเสพโคเคน จะประมวลเรื่องเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพิจารณาตั้งข้อหาเสพยาเสพติดเพิ่มเติมอีกหนึ่งข้อหา

อุบัติเหตุพยานปากเอกไม่กระทบการตรวจสอบ
ส่วนอีกประเด็น คือ กรณีนายจารุชาติ มาดทอง พยานปากสำคัญในคดีเสียชีวิตกะทันหันที่เชียงใหม่ ยืนยันไม่มีผลต่อการตรวจสอบของกรรมการชุดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และยืนยันว่านายจารุชาติเป็นพยานที่ขับรถกระบะตามหลังรถคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช่พยานใหม่ แต่เป็นพยานที่พนักงานสอบสวนเคยสอบปากคำไว้แล้วเมื่อ 8 กันยายน 2555 และรายงานสอบสวนในครั้งนั้นไม่ได้สอบสวนในประเด็นขับรถเร็วของผู้ต้องหา


ประเด็นความเร็วอัยการเพิ่งมากำหนดให้สอบสวนเมื่อปลายปี 2562 ส่วน พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ถนอมกุลบุตร พยานอีกคน สอบสวนครั้งแรกเมื่อ 8 กรกฎาคม 2558 ซึ่งสอบสวนหลังจากพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องนายวรยุทธ ข้อหาขับรถประมาทและออกหมายจับไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ประเด็นความเร็วของรถผู้ต้องหาขณะพุ่งชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ที่ยังไม่ชัดเจนและไม่ตรงกันระหว่างผลตรวจของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานกับพยาน 2 ปากนี้อยู่ระหว่างดำเนินการให้เกิดความกระจ่าง ขณะนี้ยังตอบไม่ได้

ลำดับเหตุการณ์รักษาเหงือก “บอส อยู่วิทยา”
ทพ.เผด็จ ตั้งงามสกุล อุปนายกทันตแพทยสภาคนที่ 1 เปิดเผยว่า หนึ่งในกรรมการทันตแพทยสภา ได้รับการติดต่อเป็นการส่วนตัวจากทันตแพทย์ที่รักษานายวรยุทธ ยืนยันว่า ไม่ได้ใช้โคเคนในการรักษา ก่อนเกิดอุบัติเหตุ 5 วัน (29 ส.ค.55) ได้รักษาโรคเหงือกให้กับนายวรยุทธ และวันนั้นรักษาตามขั้นตอนรักษาผู้ป่วยทั่วไป ทำความสะอาดช่องปากและฉีดยาชาชนิด “เมพิวาเคน” จากนั้นได้จ่ายยาปฏิชีวนะให้นายวรยุทธ ซึ่งหลังเกิดเหตุเคยเข้าให้ปากคำกับตำรวจแล้ว จึงรู้สึกไม่สบายใจที่ข้อมูลการรักษาถูกนำไปอ้างในคดีและไม่ตรงตามข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ ยืนยันว่าทันตแพทย์คนดังกล่าวพร้อมชี้แจงต่อทันตแพทยสภา แต่ต้องให้เวลารวบรวมข้อมูลก่อน และหากมีคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็พร้อมประสานทันที แต่ไม่ถึงขั้นต้องตั้งกรรมการสอบ เนื่องจากไม่ได้มีผู้ร้องเรียนถึงการทำหน้าที่

อุปนายกทันตแพทยสภา ระบุด้วยว่า ในต่างประเทศเคยเกิดคดีที่พบโคเคนในผู้ต้องหาและอ้างว่าเกิดจากการทำฟัน แต่ภายหลังมีการตรวจสอบข้อมูลทางวิชาการ พบว่าไม่เป็นความจริง และในไทยคดีของนายวรยุทธฯ ถือเป็นคดีแรกที่มีการอ้างถึงการใช้โคเคนจากการทำฟัน

คณะกรรมการชุด “อัยการสูงสุด” ประชุมต่อวันที่ 4
สำหรับการตรวจสอบคู่ขนานของคณะทำงานสำนักงานอัยการสูงสุด ประชุมต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 เพื่อพิจารณาเหตุไม่สั่งฟ้องคดี “บอส อยู่วิทยา” นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด บอกว่า การประชุมคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่แล้วเสร็จ คาดว่าจะสรุปความเห็นได้ภายในกรอบระยะเวลา 7 วัน

สำนักข่าวไทยรวบรวมภาพรวมของการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ 3 หน่วยงานหลัก (ไม่รวมของ กมธ.ต่างๆ ที่คอยศึกษาและตรวจสอบ) ประกอบด้วย คณะกรรมการชุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ตรวจสอบตั้งแต่ต้นธารกระบวนการยุติธรรม คือ การดำเนินงานของพนักงานสอบสวน คณะทำงานชุดของสำนักงานอัยการสูงสุดที่ตรวจสอบการทำงานของอัยการ และเหตุผลถึงการไม่สั่งฟ้องในคดี และคณะสุดท้าย คือ คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชนที่นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งแต่งตั้งขึ้น ซึ่งมีนายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ล่าสุดมีการนัดหมายประชุมกันนัดแรกในวันที่จันทร์ที่ 3 สิงหาคมนี้ เวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล คณะนี้จะรวบรวมข้อมูลเพื่อตรวจสอบในภาพกว้างเพื่อเสนอแนวทางปรับปรุงกฎหมาย หรือวิธีปฏิบัติ

“วิษณุ” ไม่ตอบผลสอบคดีจะเปลี่ยนแปลงผลคดีได้หรือไม่
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะกรรมการตรวจสอบชุดนายวิชา มหาคุณ มีกรอบดำเนินงาน 30 วัน โดยทราบมาว่าจะมีการประชุมทุกวัน และสามารถเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อมูลได้ โดยหน้าที่หลักคือสรุปข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย ความเป็นมาของคดี และพฤติกรรมบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ไปแทรกแซงดุลยพินิจ หากพบจุดอ่อนในประเด็นใดต้องแจ้งรัฐบาล พร้อมกับจัดทำบทเรียนและข้อแนะนำว่าควรปรับแก้ในส่วนใด เพื่อไม่ให้เกิดประเด็นปัญหาในอนาคต. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บ้านหนองจาน” วุ่น เขมรบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่ทหารไทย

สระแก้ว 25 ส.ค. – ชายแดนสระแก้วตึงเครียด ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่เจ้าหน้าที่ ในพื้นที่บ้านหนองจาน ทหารไทยเจ็บ 1 นาย ด้านกองทัพภาคที่ 1 แจงเป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายกัมพูชา สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังคงเกิดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง หลังจากทางฝั่งกัมพูชาได้ประกาศเสียงตามสาย เรียกระดมชาวบ้านให้ออกมารวมตัวกันยังพื้นที่พิพาทติดแนวชายแดน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ และที่ดินของกัมพูชา เข้าร่วมอยู่ในพื้นที่ด้วย เมื่อชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางมาถึง เกิดเหตุเหตุจราจลขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มชาวกัมพูชาบางส่วนพากันบุกเข้ามารื้อรั้วลวดหนามที่ฝ่ายไทยขึงกั้นไว้เพื่อป้องกันการรุกล้ำ นอกจากนี้ ยังมีการขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บแล้ว 1 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าประชาชนจากฝั่งกัมพูชายังคงทยอยเดินทางเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น ด้านกองกำลังทหารไทยจึงได้เสริมกำลังเข้าตรึงพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันการบานปลาย ที่น่าสังเกตคือ ฝั่งกัมพูชาได้เปิดเพลงเสียงดังสนั่น คาดว่าเป็นเพลงปลุกใจ เพื่อสร้างขวัญและกระตุ้นให้ชาวบ้านในพื้นที่มีความฮึกเหิมมากขึ้น เสียงเพลงดังกล่าวได้ถูกเปิดก้องไปทั่วบริเวณแนวชายแดน สร้างความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ สถานการณ์ล่าสุดยังคงมีการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย โดยทหารไทยยังคงตรึงกำลังแน่นหนา เพื่อเฝ้าระวังการปะทะที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับส่วนกลางเพื่อรายงานความคืบหน้าและเตรียมมาตรการรองรับ กองทัพภาคที่ 1 แจงแล้ว ปมชาวบ้านเขมรรื้อรั้วหนาม ล่าสุด กองทัพภาคที่ […]

ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ

สวีเดน 25 ส.ค.-ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ “มาริษ-ผบ.ทอ.” ร่วมเป็นสักขีพยาน ชูเป็นเขี้ยวเล็บป้องกันตัว พ่วง Offset Policy พัฒนาอุตสาหกรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 17.20 น. ตามเวลาในประเทศไทย รัฐบาลไทยและสวีเดน ได้บรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง วงเงิน 19,500 ล้านบาท โดยมี พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย มีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ดร.พอล ยอนซอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน ร่วมเป็นสักขีพยาน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีว่า ข้อตกลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้าง “เขี้ยวเล็บ” […]

มทภ.2 ชี้หากพบกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้

เกษตรศาสตร์ 25 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ชี้หากพบทหารกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้ แต่ยิงแจ้งเตือนก่อน หากยังขัดขืนสั่งยิงทันที เชื่อประชุม RBC 27 ส.ค.นี้ ราบรื่นดี มองหากกัมพูชาไม่รับเงื่อนไขเก็บทุ่นระเบิด เตรียมเก็บหลักฐานฟ้อง UN วันนี้ (25 ส.ค. 68) ที่ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย – กัมพูชา (RBC) ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ หากฝ่ายกัมพูชาไม่ตกลงที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิด ว่า ถ้าไม่เก็บกู้ก็จะรายงานไปที่ UN และทำบันทึกไว้เพื่อเป็นการประท้วง ส่วนการประชุม RBC ที่พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 มีการตอบรับเรื่องเก็บกู้ระเบิดร่วมกัน ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ควรจะมีการตอบรับด้วยหรือไม่เพื่อแสดงถึงความจริงใจ นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า […]