อ.เสรี ไขคำตอบ “แผ่นดินไหว รับรู้ไกลนับ1,000 กม.” อาจเผชิญอาฟเตอร์ช็อกถึง 1,000 ครั้ง

แผ่นดินไหว

1 เม.ย. -รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต และรองประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวไทย ไขคำตอบความรุนแรงของแผ่นดินไหว ขนาด 8.2 เมื่อ 28 มีนาคม 2568 – ระยะเวลาเผชิญอาฟเตอร์ช็อก – การเตรียมตัวของคนไทยรับมือความเปลี่ยนแปลงของโลกต่อจากนี้


ไขคำตอบ! “คนกรุงเทพฯ รับรู้แรงสั่นไหว เท่าคนเชียงใหม่ ทั้งที่ไกลกว่า 1,000 กม.”

อ.เสรี ระบุว่าแผ่นดินไหวขนาด 8.2 เกิดจากรอยเลื่อนสะกาย ในเมียนมา ซึ่งเป็นรอยเลื่อนขนาดใหญ่ที่มีพลังที่อยู่ใกล้ประเทศไทยที่สุด และนี่คือการเคลื่อนตัวในรอบ100-200 ปี ในลักษณะแนวราบ แม้ว่าห่างจากกรุงเทพมหานครนับพันกิโลเมตร แต่การรับรู้แรงสั่นสะเทือนขึ้นอยู่กับธรณีสันฐาน ซึ่งคนที่อยู่เชียงใหม่สามารถรับรู้ได้เท่ากับคนกรุงเทพฯ เพราะกรุงเทพฯ เป็นธรณีสันฐานแบบชั้นดินอ่อน ซึ่งจะเพิ่มขนาดของคลื่น 2-3 เท่าตัว เปรียบภาพเหมือนบ้านเรือนที่ตั้งอยู่บนฟองน้ำ เมื่อมีการทุบพื้นรอบฟองน้ำ ฟองน้ำก็จะกระเพื่อมด้วย แต่หากบ้านเรือนตั้งอยู่บนดิน เมื่อทุบรอบดิน แรงสะเทือนจะไม่กระเพื่อมเท่าอยู่บนฟองน้ำ เป็นเหตุให้กรุงเทพฯ อ่อนไหว ซึ่งแผ่นดินไหวครั้งนี้เป็นลักษณะคลื่นความถี่ต่ำ จะมีผลต่อตึกสูง จึงพบเห็นการโยกของตึก


ส่วนที่เมียนมา แรงสั่นสะเทือน ณ จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ที่ระดับ 9 – 10 (ระดับอันตรายสูง) จาก 12 ระดับ แต่ที่กรุงเทพฯ อยู่ที่ระดับ 4-5 ในทางสากลประเมินว่าระดับนี้ ไม่น่าจะเกิดความรุนแรงต่อชิวิตและทรัพย์สินโดยรุนแรง จึงเป็นคำถามว่า “ทำไมตึก สตง.จึงถล่มเพียงตึกเดียว?” นี่คือปริศนาที่ต้องรอคำตอบ

ขอบคุณภาพ จาก เฟซบุ๊ก รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์

อาจเกิดอาฟเตอร์ช็อก 500–1,000 ครั้ง ยาวนาน 2-3 เดือน
ข้อมูลจากกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานล่าสุด เวลา 10.00 น. วันที่ 1 เม.ย.68 เกิดอาฟเตอร์ช็อกแล้ว 237 เหตุการณ์ หลังเกิดแผ่นดินไหว เมื่อ 13.20 น.วันที่ 28 มี.ค.68


ขอบคุณภาพ จากกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา

อ.เสรี อธิบายว่า แผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงระดับ 7 ขึ้นไป มีโอกาสเกิดอาฟเตอร์ช็อกได้มากถึง 500-กว่า 1,000 ครั้ง แต่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ เพราะการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกมีความเป็นอิสระสูง และอาจกินเวลานานถึง 2-3 เดือน แต่ความเสียหายจะไม่มากเท่าเมนช็อก ซึ่งความรุนแรงจะลดลงไปตามลำดับ เช่นกันกับแผ่นดินไหว (เมนช็อก) จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ เพราะมีโอกาสเสมอ และประเทศไทยโชคดีที่ไม่มีรอยเลื่อนขนาดใหญ่ มีแต่รอยเลื่อนแขนง

“การไม่มีระบบเตือนภัย ทำให้คนไทยตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนก”
ต้องยอมรับว่า การแจ้งเตือนภัย คือสิ่งที่ไทยต้องปรับปรุง หน่วยงานแรก ที่ต้องแจ้งข้อมูล คือ กรมอุตุนิยมวิทยาต้องประกาศออกมาทันที เพราะศูนย์เตือนภัยทั่วโลกประกาศออกมาแล้ว แต่กรมอุตุฯ มีการประกาศในเว็บไซต์เวลา 13.36 น.ล่าช้าจากเวลาเกิดเหตุไป 16 นาที ข้อความ SMS ก็ช้ามาเช่นกัน

แนวปฏิบัติที่ควรจะเป็นคือ กรมอุตุฯ ประกาศไปยังปภ. และส่งต่อไป กสทช.
แม้ กสทช. จะชี้แจงว่า ข้อความส่งได้จำนวนจำกัด สิ่งที่ กสทช.ต้องชี้แจงต่อคือ มีแผนรองรับหรือไม่? รวมถึง ณ เวลาเกิดเหตุ มีปัญหาเรื่องโครงข่าย สัญญาณโทรศัพท์โทรไม่ได้ โทรไลน์ก็ไม่ได้

ขอบคุณภาพ จาก เฟซบุ๊ก รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์

“เตรียมตัวรับแผ่นดินไหว – อาฟเตอร์ช็อกอย่างไรดี ?”
สำหรับอาคาร บ้านเรือน กฎกระทรวง เรื่องการสร้างตึกให้รองรับแผ่นดินไหว ไม่ได้กำหนดว่าต้องสร้างให้รับแรงแผ่นดินไหวขนาดเท่าไหร่ เพียงแต่กำหนดอัตราเร่ง อย่างไรก็ตาม หากออกแบบตามกฎกระทรวงแล้ว ก็มั่นใจได้ว่าปลอดภัย

ส่วนอาคารที่ได้รับความเสียหาย จากแผ่นดินไหวครั้งนี้ ต้องเฝ้าระวัง เพราะมีความเสี่ยงสูงมากที่อาฟเตอร์ช็อก อาจทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมได้ ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญต้องลงพื้นที่ตรวจอย่างละเอียด พร้อมแนะนำว่า ต้องกำหนดไทม์ไลน์ว่าตรวจเสร็จเมื่อใด เพื่อให้ประชาชนวางแผนชีวิต เนื่องจากยังมีอีกหลายคนที่ไม่สามารถกลับเข้าคอนโดฯ ได้

สำหรับประชาชน เมื่อเผชิญเหตุการณ์และอยู่ในภาวะตื่นตระหนก วิธีปฏิบัติสากลคือต้องหลบอยู่ใต้โต๊ะ จนตัวเองไม่รู้สึกสั่นไหว แล้วค่อยออกจากอาคาร เพราะหากวิ่งออกทางประตูจำนวนมาก อาจเกิดจากเหยียบกันจนบาดเจ็บได้

ขอบคุณภาพ จากเฟซบุ๊ก รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์

แผ่นดินไหวครั้งนี้ สอนเราว่า “ความรู้สำคัญมาก”
อ.เสรี ทิ้งท้ายว่า ภัยคุกคามจากสิ่งแวดล้อม ล้วนใกล้ตัวเข้ามาทุกขณะ ต้องเรียนรู้อยู่กับเขาให้ได้ การมีองค์ความรู้สำคัญมาก เป็นเรื่องความปลอดภัยของเรา อย่าปฏิเสธที่จะเรียนรู้ อย่าปฏิเสธวิทยาศาสตร์ อย่าหยุด อย่ายอมแพ้ และการซ้อมหนีภัยยังสำคัญ . -918 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]

รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้

พรรคภูมิใจไทย 16 ก.ย.-รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้ หลังนายกฯ ลั่นเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีอนุทิน 1 คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วสุดในเย็นวันนี้ (16 ก.ย.) หรืออย่างช้าวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขณะที่บรรยากาศพรรคภูมิใจไทยในช่วงเช้าวันนี้ยังคงเงียบเหงา มีแกนนำพรรคเดินทางเข้าที่ทำการพรรค อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นยังไม่มีกำหนดการเดินทางเข้าพรรคในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ไว้ว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะสามารถทูลเกล้าฯ ถลายได้ภายในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย

เตือนภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.

กรุงเทพฯ 16 ก.ย.-สทนช. ออกประกาศเตือน เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.นี้ คาดระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงกว่าจุดวิกฤติ 0.20 เมตร เสี่ยงน้ำเอ่อล้นริมเจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือน เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” เตือนประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ระหว่างวันที่ 17–22 กันยายน 2568 ในช่วงเวลา 16.00–19.00 น. ของแต่ละวัน โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว ซึ่งยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุทกศาสตร์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจสูงถึง 1.70–1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหนุนสูงของน้ำทะเลในช่วงนี้ได้แก่ ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลาง ซึ่งยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยและบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้บางพื้นที่ยังคงมีฝนตก และเมื่อรวมกับปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ […]

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย