BIG STORY : ชงเอาผิด 2 อดีต ผบช.น.บกพร่องคดี “บอส อยู่วิทยา”

กรุงเทพฯ 14 ส.ค.- คณะกรรมการตรวจสอบชุด “วิชา มหาคุณ” เรียกรองอัยการสูงสุดชี้แจงปมไม่สั่งฟ้องคดี “บอส อยู่วิทยา” ขณะที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า คณะกรรมการชุดตำรวจเตรียมเสนอเอาผิดอดีต ผบช.น.ไม่ต่ำกว่า 2 นาย รวมถึงตำรวจที่เกี่ยวข้องประมาณ 30 นาย


มีรายงานว่า พรุ่งนี้ (15 ส.ค.) คณะกรรมการตรวจสอบคดี “บอส อยู่วิทยา” ชุดของตำรวจเตรียมเสนอรายชื่อตำรวจที่เข้าข่ายบกพร่องให้ ผบ.ตร.ตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อลงโทษ ซึ่งมีทั้งบกพร่องมากและบกพร่องน้อย นอกจากนี้ มีรายงานว่า ผบ.ตร.ส่งพยานหลักฐานและรายละเอียดข้อเท็จจริงไปยังอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาดำเนินการตาม ป.วิอาญา มาตรา 147 ส่วนข้อหาเสพโคเคนส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีแล้วเช่นกัน

รายงานจากการสอบสวนของคณะกรรมการฯ พบว่า ช่วงเวลา 3 ปี 5 เดือน นับจากวันที่ 3 กันยายน 2556 พนักงานอัยการมีหนังสือเร่งรัดให้ออกหมายจับนายวรยุทธ โดยส่งถึงพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ 7 ครั้ง หนังสือเร่งรัดให้รีบส่งตัวดำเนินคดี 12 ครั้ง ทวงถามผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ในขณะนั้น 1 ครั้ง และมีหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในขณะนั้น 2 ครั้ง เพื่อเร่งรัดออกหมายจับในข้อหาที่ยังไม่หมดอายุความ และขอให้รีบส่งตัวมาดำเนินคดี


อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าในช่วงเวลา 3 ปี 5 เดือน กลับไม่มีการขออนุมัติออกหมายจับ กระทั่ง 25 เมษายน 2560 นายวรยุทธ ออกนอกประเทศ ส่วนพนักงานสอบสวนไปขอออกหมายจับวันที่ 28 เมษายน 2560 หลังจากนายวรยุทธ เดินทางออกไปแล้ว 3 วัน คณะกรรมการฯ เล็งเห็นว่า หากในช่วงเวลา 3 ปี 5 เดือน ถ้าออกหมายจับก็มีโอกาสจับกุมนายวรยุทธ มาดำเนินคดีได้

มีรายงานด้วยว่า ข้อหาขับรถชนแล้วไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงาน และข้อหาขับรถชนแล้วไม่หยุดให้การช่วยเหลือ เป็น 2 ข้อหาที่มีพยานหลักฐานมั่นเหมาะเพียงพอที่จะขอออกหมายจับ แต่กลับไม่ดำเนินการ จึงเป็นอีกหนึ่งข้อบกพร่องที่ถูกหยิบขึ้นมาพิจารณา ซึ่งพบตำรวจที่เข้าข่ายมีความบกพร่อง อาทิ อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล 2 นาย อดีตผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 จำนวน 2-3 นาย อดีตรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 รับผิดชอบดูแลงานสอบสวน 2-3 นาย อดีตผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ 3-4 นาย อดีตรองผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ รับผิดชอบงานสอบสวน 3-4 นาย นอกจากนี้ มีตำรวจที่บกพร่องในคดีนี้อีก 11 นายที่ ป.ป.ช.เคยชี้มูลความผิดไว้แล้ว

บิ๊ก ตร.พา “สายประสิทธิ์” พบ “พ.ต.อ.ธนสิทธิ์” คำนวณความเร็วรถ


ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลสำคัญว่า มีอดีตนายตำรวจระดับสูงพานายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม เข้าพบกับ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น ที่กองพิสูจน์หลักฐานเมื่อปี 2559 เพื่ออธิบายวิธีการคำนวณความเร็วเฟอร์รารี่ โดยอดีตนายตำรวจระดับสูง มีตำแหน่งเป็น สนช. เดินทางมากัน 3 คน คือ นายสายประสิทธิ์ รวมถึง พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ

แหล่งข่าวยืนยันว่า อดีตนายตำรวจระดับสูงไม่ได้พูดกดดันหรือขู่บังคับ พ.ต.อ.ธนสิทธิ เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลความเร็ว เพียงแค่มาเสนอวิธีคำนวณอีกแบบ ซึ่งเป็นการคำนวณความเร็วจากสเปกรถยนต์ และมีรายงานว่าหลังรับฟังวิธีคำนวณสูตร ทำให้ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ก็เห็นคล้อยตาม จึงให้การว่าความเร็วลดลง

แต่มีรายงานภายหลังว่า พ.ต.อ.ธนสิทธิ กลับมาคำนวณใหม่ด้วยวิธีของตนเอง และพบว่าสูตรของนายสายประสิทธิ์ คลาดเคลื่อนมากกว่า 40% จึงรายงานผู้บังคับบัญชาเพื่อขอเปลี่ยนแปลงคำให้การกับพนักงานสอบสวน แต่สายเกินไป เนื่องจากมีการสรุปสำนวนส่งอัยการแล้ว

ล่าสุด พบว่าสื่อหลายสำนักรายงานตรงกัน โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการการกฎหมายฯ โพสต์ข้อความผ่าน FB ว่า ผู้ที่พานายสายประสิทธิ์ มาพบกับ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ คือ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. โดยได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559

“วิชา” เชิญ “เนตร-อรรถพล” ให้ข้อมูลอย่างละเอียด

ส่วนความเคลื่อนไหวการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ชุดของนายวิชา มหาคุณ เชิญนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด รวมถึงนายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ มาให้ข้อมูลข้อเท็จจริง

นายวิชา บอกว่า คำชี้แจงของนายอรรถพล ยืนยันความคิดเห็นว่า คดีนี้อัยการสูงสุดเคยสั่งยุติรับเรื่องร้องขอความเป็นธรรม แต่การที่นายเนตร หยิบยกมาพิจารณาอีกครั้งนั้นกระทำไม่ได้ เว้นแต่ต้องรายงานให้อัยการสูงสุดรับทราบ หากสั่งไปแล้วโดยไม่พิจารณารอบคอบถือว่าสั่งฟ้องคดีโดยมิชอบ

เผยข้อมูลการลาออก “เนตร” ยังไม่ได้รับอนุมัติลาออก

นายวิชา บอกว่า สิ่งที่น่าสนใจ คือ นายเนตร ขณะปฏิบัติหน้าที่ขณะนั้นไม่ได้เป็นรองอัยการสูงสุดโดยสมบูรณ์ โดยสั่งการไปในฐานะของอธิบดีอัยการศาลสูง รักษาราชการในตำแหน่งรองอัยการสูงสุดและปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นตำแหน่ง 3 ต่อกัน จึงเกิดประเด็นปัญหาที่ต้องเข้าสู่การพิจารณาของคณะทำงาน โดยจะเชิญนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด มาชี้แจงภายในสัปดาห์หน้า

นายวิชา กล่าวว่า การชี้แจงของนายเนตร ยืนยันว่าการพิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรม เป็นไปตามทนายความร้องขอและสำนักคดีกิจการอัยการเป็นฝ่ายตั้งเรื่องมาว่าเห็นสมควรสั่งสอบเพิ่มเติม ซึ่งการสั่งไม่ฟ้องเป็นไปอย่างถูกต้อง และไม่เห็นด้วยกับการตั้งข้อสังเกตของนายอรรถพล เพราะมั่นใจว่าสั่งโดยมีอำนาจและสั่งเช่นนี้ตลอดเวลาที่ทำหน้าที่ พร้อมย้ำว่า นายเนตร ลาออกด้วยตนเอง แต่การลาออกจะมีผลต่อเมื่ออัยการสูงสุดสั่งอนุมัติ และขณะนี้ยังไม่มีการสั่งอนุมัติ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยกหารือเวที UN พรุ่งนี้

สวีเดน 26 ส.ค.-“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังกัมพูชาใช้โล่มนุษย์ยั่วยุในพื้นที่ต่อเนื่อง เตรียมยกเรื่องนี้หารือเวที UN ที่เจนีวา พรุ่งนี้ ยันยังไม่ส่งทูตกลับ จนกว่าเขมรแสดงให้เห็นว่าจริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด (Maria Malmer Stenergard) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่มีการยั่วยุโดยใช้พลเรือนเป็นเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่หน่วยงานในพื้นที่ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน เพราะเมื่อมีพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการทำงานของทางทหารก็จะยากลำบาก อาจจะนำไปสู่การสร้างความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เป็นพลเรือนในพื้นที่ก็จำเป็นจะต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ นายมาริษ กล่าวว่า ในการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสวีเดน ตนได้อธิบายให้เข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กัมพูชาพยายามใช้ ซึ่งขัดต่อความตกลงในกฎบัตรสหประชาชาติเป็นอย่างมาก เหมือนกับใช้ประชาชนและพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งประเทศสวีเดนก็เข้าใจ และพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ตนจะมีโอกาสได้ชี้แจงกับที่ประชุม UN ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตนจะยกประเด็นนี้ขึ้นแสดงความห่วงกังวลว่า การใช้วิธีเอาพลเรือนมาเป็นตัวกดดัน หรือมาสร้างความตึงเครียด หรือขยายความตึงเครียดบริเวณชายแดนมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ […]

พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์ถล่มหลายจังหวัดภาคเหนือ น่านยกระดับรับมือ

26 ส.ค. – พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว หลายจังหวัดทางภาคเหนือมีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก จนมีน้ำท่วมหลายพื้นที่ และต้องจับตาไปที่จังหวัดน่าน ซึ่งพายุคาจิกิเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่และเริ่มส่งผลกระทบตั้งแต่ช่วงค่ำวันนี้ ทำให้จังหวัดน่านยกรระดับมาตรการป้องกันและเตรียมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม.-สำนักข่าวไทย

Gripen ที่จัดซื้อใหม่ประสิทธิภาพดีกว่าลำเดิมที่มีอยู่

สวีเดน 26 ส.ค. – แม้รัฐบาลไทยและสวีเดนได้ลงนามความร่วมมือซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน E และ F ไปแล้ว แต่กว่าจะได้รับเครื่อง จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 4 ปี ระหว่างนี้จะมีการวางกรอบพัฒนาร่วมกัน แน่นอนว่ารุ่นใหม่สเปกใหม่ดีกว่ารุ่นเก่าที่เรามี แตกต่างอย่างไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

คนไทยรวมพลังร้องเพลงชาติกึกก้องบ้านหนองจาน

26 ส.ค. – ชาวไทยกว่า 500 คน รวมตัวร้องเพลงชาติ ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (26 ส.ค.68) ประชาชนไทยกว่า 500 คน มารวมตัวกันบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย จนเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างกองทัพในการปกป้องอธิปไตย ชาวบ้านยังจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ไปมอบให้ทหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอความร่วมมือประชาชนที่มาร่วมชุมนุมให้อยู่ในแนวพื้นที่ที่กำหนดไว้เพื่อป้องกันการเผชิญหน้า “เจ๊เอ๋” ณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ เจ้าหนี้คนดัง บอกว่า วันนี้ประชาชนคนไทยต้องมาเผชิญหน้ากับชาวกัมพูชาด้วยตัวเอง เพราะผู้มีหน้าที่โดยตรงนิ่งเฉย ส่วนที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และพลโทวันชนะ สวัสดี นำคณะลงพื้นที่ พบมีชาวกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเขตไทย 18 หลัง […]