เชียงใหม่ 15 พ.ค.- พระครูท่านหนึ่งที่อำเภอพร้าว จ.เชียงใหม่ หลายคนรู้จักในนามเจ้าอาวาสนักกู้ภัย ทุ่มเทช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยากมาเกือบ 20 ปี ช่วยเหลือผู้คนที่ประสบอุบัติเหตุไม่น้อยกว่า 50,000 ราย บริจาคโลงศพให้ผู้ยากไร้ไม่ต่ำกว่า 1,000 โลง เป็นเหมือนแสงแห่งความเมตตาที่ส่องถึงชาวบานที่นั่น
ทุกช่วงเวลาที่พระครูปรีชาภิวัฒน์ หรือพระครูเดี่ยว วัย 48 ปี พรรษา 28 เจ้าอาวาสวัดทุ่งหลวง อำเภอพร้าว ที่เชียงใหม่ ว่างเว้นจากกิจของสงฆ์หรือกิจนิมนต์ จะร่วมภารกิจกู้ภัยร่วมกับอาสาสมัครกู้ภัยพร้าววังหิน ซึ่งท่านเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 17 ปีที่แล้ว ช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุหรือเหตุร้ายต่างๆ ในอำเภอพร้าวและใกล้เคียง แม้ช่วงแรกญาติโยมบางส่วนจะมองว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์ แต่พระครูเดี่ยวใช้ความเมตตาและค่อยๆ สร้างความเข้าใจว่า การสงเคราะห์ให้ผู้คนพ้นจากทุกข์ทั้งกายและใจเป็นหน้าที่สำคัญของสงฆ์เช่นกัน
พระครูเดี่ยวที่ร่วมในการกู้ภัยต่างๆ จนกลายเป็นภาพชินตาของคนอำเภอพร้าวและใกล้เคียงมาตลอด 17 ปี หลังเริ่มก่อตั้งกู้ภัยพร้าววังหินขึ้นจากเงิน 20,000 บาท ที่ได้จากการรับกิจนิมนต์ซื้อรถกะป๊อไว้รับศพ จนได้รับการอบรมปฐมพยายาบาลการกู้ชีพเบื้องต้นจากสาธารณสุข และก่อตั้งทีมกู้ชีพกู้ภัยขึ้น ด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทกู้ภัยด้วยความเมตตาของพระครูเดี่ยว จนหลายฝ่ายร่วมสนับสนุน ทุกวันนี้มีมีอาสาสมัครกู้ภัยกว่า 70 คน มีรถพยาบาล รถยก เรือ รวมกว่าสิบคันพร้อมอุปกรณ์กู้ภัยทั้งทางบก ทางน้ำและกู้ภัยทางสูง ใช้ช่วยเหลือผู้คนมาไม่ต่ำกว่า 50,000 ราย และส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนหลายคน อย่าง “ฟิล์ม” หนุ่มน้อยวัย 16 ปี ที่มาเป็นอาสาสมัครกู้ภัยช่วงปิดเทอม เพราะศรัทธาในตัวพระครูเดี่ยว
นอกเหนือจากการกู้ภัยแล้ว พระครูเดี่ยวยังสงเคราะห์ผู้ยากไร้ทั้งการศพผู้เสียชีวตจากโควิด-19 บริจาคโลงศพให้ผู้ยากไร้ไปไม่ต่ำกว่า 1,000 โลง ข้าวปลาอาหารที่ญาติโยมนำมาถวาย ถูกนำไปไว้ในตู้ปันสุขหน้าวัดให้ผู้คนได้กินอิ่มท้อง รวมทั้งการสร้างบ้านให้ผู้ยากไร้และผู้สูงอายุที่อยู่อย่างยากลำบากไปแล้ว 15 หลัง โดยเงินทุกบาททุกสตางค์ในการกู้ภัยและสงเคราะห์ มีทั้งผู้บริจาคและเงินส่วนตัวของพระครูเดี่ยว ซึ่งแยกออกจากเงินวัดชัดเจน ตรวจสอบได้ เพราะท่านมองว่าเมื่อเข้ามาอยู่ในสมณเพศก็ไม่จำเป็นต้องสะสมอะไรไว้นอกจากความดี
ความมุ่งมั่นตั้งใจในการช่วยเหลือชาวบ้านโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ของพระครูเดี่ยว จึงเป็นเหมือนแสงความเมตตาแห่งพุทธศาสนาที่ส่องไปถึงผู้คนให้คลายความทุกข์ จนก่อเกิดความศรัทธาให้เห็นมาถึงทุกวันนี้.-สำนักข่าวไทย