นักวิชาการชี้ข่าว “ลุงพล” หวังแค่เรตติ้ง

กรุงเทพฯ 9 ก.ย.- นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน มองกรณีข่าว “ลุงพล” สื่อบิดข่าวจากอาชญากรรมเป็นเรียลลิตี้โชว์ หวังแค่เรตติ้ง-รายได้ ส่อหมิ่นเหม่ผิดจริยธรรมสื่อ แนะสื่อควบคุมกันเอง


ดร.มานะ ตรีรยาภิวัฒน์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา ม.หอการค้าไทย ในฐานะนักวิชาการนิเทศศาสตร์และสื่อสารมวลชน กล่าวถึงกรณีที่สื่อบางช่องพยายามนำเสนอข่าว “ลุงพล” ในปัจจุบันว่า แม้ข่าวนี้จะยังมีคนบางกลุ่มติดตาม แต่ก็มีประชาชนจำนวนไม่น้อย รวมถึงนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมในด้านการนำเสนอข่าว ซึ่งเป็นข่าวที่เริ่มจากข่าวอาชญากรรม จนวันนี้กลายเป็นข่าวกึ่งวาไรตี้ กึ่งเรียลลิตี้ ปั้นคนในข่าวเป็นเซเลบคนใหม่ ทั้งหมดนี้จึงถูกสังคมตั้งคำถามถึงความเหมาะสมและเรื่องจรรยาบรรณอยู่พอสมควร อันนี้ก็เป็นภาพสะท้อนการทำหน้าของสื่อมวลชน แน่นอนเรื่องเรตติ้งเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเพื่อความอยู่รอดขององค์กร ซึ่งถ้าเกิดเรื่องของลุงพลเป็นเรื่องที่มาจากวาไรตี้หรือรายการโชว์ก็จะไม่มีปัญหา แต่มันเริ่มต้นมาจากข่าวอาชญากรรมที่วันนี้ก็ยังไม่คลี่คลายชัดเจน

“ผมคิดว่าในเชิงวิชาชีพต้องคุยกันว่า เส้นบางๆ ระหว่างข่าว กับความบันเทิงที่เป็นเรียลลิตี้โชว์มันควรอยู่ตรงไหน”


ดร.มานะ กล่าวด้วยว่า ปัญหาตรงนี้จะโทษส่วนของคนทำงานสื่อเพียงอย่างเดียวคงไม่ถูกต้องนัก ต้องมองที่ผู้เสพข่าว หรือประชาชนด้วย ถ้ายังมีประชาชนสนับสนุน ในอนาคตเราจะเห็นคนดังที่เกิดจากข่าวอาชญากรรมหรือข่าวอื่นๆ เต็มไปหมดเลย

“ชัดเจนครับเรื่องของเรตติ้ง เรื่องของรายได้ เพื่อความอยู่รอดขององค์กร เชื่อว่าคนทำงานสื่อหลายคนตั้งคำถาม”

เมื่อถามว่ากรณีสื่อบางช่องตามติดข่าว “ลุงพล” ถือว่าเข้าข่ายผิดจริยธรรมสื่อด้านใดหรือไม่นั้น ดร.มานะ กล่าวว่า มันหมิ่นเหม่ คือมันไม่ถึงขั้นผิดกฎหมายหรือจริยธรรม และมันขึ้นกับความเหมาะสมมากกว่า ซึ่งตรงนี้คุยกันได้ ว่ามันเกินไปนะ


“เรื่องนี้อาจไม่ต้องมีหน่วยงานใด หรือ กสทช.ลงไปดูแลควบคุม เชื่อว่าคนที่ทำงานสื่อควรคุยกันเอง ตั้งเป็นกรอบของตัวเอง เรื่องพวกนี้ต้องคุยกันเองควบคุมกันเอง”

ส่วนกรณีที่มีหัวหน้าช่างภาพทีวีช่องหนึ่งโพสต์เฟซบุ๊กถึงความอัดอั้นในการทำข่าวลุงพลถึงขั้นลาออกนั้น ดร.มานะ ระบุว่า ยังไม่ทราบข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง แต่หากเป็นจริงก็ถือเป็นภาพสะท้อนว่าคนทำงานสื่อด้วยกันเองก็รู้สึกรับไม่ได้กับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อขอให้ติดคุกจริง

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่น

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่นคนอายุ 60+ ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ว

“จิรายุ” ย้ำเงินหมื่นเฟส 2 มอบคนอายุ 60+ รัฐบาลพร้อมโอนไม่มีเปลี่ยนแปลงแล้ววันจันทร์ที่ 27 ม.ค.นี้แน่นอน สามารถตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ววันนี้ ส่วนคนไม่มีสมาร์ทโฟนฝากลูกหลานช่วยด้วย

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข