11 ตัวประกันคนไทยปลอดภัย

รัฐบาลเตรียมเครื่องบิน 3 ลำพาคนไทยกลับบ้าน ขณะที่ 11 ตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไปปลอดภัยทุกคน นายกฯห่วง ให้เบอร์สายตรงกับเจ้าหน้าที่พร้อมรับ 24 ชั่วโมง


ท่ามกลางสถานการณ์สงครามในอิสราเอล กับกลุ่มฮามาสที่รุนเเรงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อคนไทย ที่เดินทางไปเป็นเเรงงานในประเทศอิสราเอล โดยกระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า (10 ต.ค. 66 )มีคนไทยเสียชีวิตจากการสู้รบ 18 ราย บาดเจ็บ 9 ราย ถูกจับเป็นตัวประกัน 11 ราย

สิ่งที่คนไทยรอคอย คือการเดินทางกลับบ้านเกิด ท่ามกลางสถานการณ์การสู้รบที่ยังรุนเเรงต่อเนื่อง ล่าสุดรัฐบาลวางเเผนพาคนไทยกลับบ้านก่อน 3 ลำเเรก รวม 235 ราย จากผู้ลงทะเบียนประสงค์เดินทางกลับประเทศไทย 3,862 ราย


พาคนไทยกลับบ้านด้วยเครื่องบิน 3 ลำ

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับกองบรรณาธิการข่าววิทยุ สำนักข่าวไทย ถึงกำหนดการพาคนไทยในอิสราเอลกลับมาตุภูมิว่า

ลำที่ 1

  • นำคนไทยกลับ 15 คน เป็นผู้บาดเจ็บได้รับการรักษาจนทุเลาเเล้ว 4 คน เเละเป็นคนไทยในพื้นที่เสี่ยงฉนวนกาซ่า 11 คน
  • โดยสารสายการบินพาณิชย์ ‘อิสราเอลเเอร์ไลน์’ เที่ยวบิน LY083 เทลอาวีฟ-สุวรรณภูมิ
  • ถึงประเทศไทยวันที่ 12 ตุลาคม 2566 เวลา 10.35 น.

ลำที่ 2


  • นำคนไทยกลับ 80 คน
  • โดยสารสายการบินพาณิชย์อิสราเอล
  • เดินทางถึงประเทศไทย วันที่ 18 ตุลาคม 2566 (ยังไม่มีกำหนดเวลา)

ลำที่ 3

  • นำคนไทยกลับ 140 คน
  • โดยสารเครื่องบินกองทัพอากาศ แอร์บัส 340
  • บินจาก บน.6 วันที่ 14 ตุลาคม2566 เดินทางถึงเทลอาวีฟ 15 ตุลาคม 2566 จอดรอที่สนามบินจนกว่าทุกอย่างจะชัดเจน
  • สถานฑูตไทยจะคัดเลือกคนไทย ตามลำดับความสำคัญ ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก่อน
  • ยังไม่มีกำหนดเวลาที่ชัดเจน

ตัวประกันคนไทย 11 คนปลอดภัย

นายชัย วัชรงค์ เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความพยายามอย่างยิ่งยวด ในการประสานผ่านประเทศอาหรับ ทั้งฑูตไทยในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ อิหร่าน จอร์เเดน คูเวต มาเลเซีย ฯลฯ เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานว่า ทุกคนปลอดภัย เเละพยายามให้มิตรประเทศของไทย ประสานกลุ่มฮามาส ปาเลสไตน์ ว่า ประเทศไทยไม่เข้าข้างใคร เเละคนไทยไม่เกี่ยวข้องด้วย ขอให้เห็นเเก่มนุษยธรรม เเละปล่อยตัวคนไทยกลับมา

ส่วนคนที่ถูกจับไปมีใครบ้างนั้น คิดว่านายจ้างจะเป็นผู้ทราบ เพราะรายงานที่ระบุว่ามีคนไทยถูกจับเป็นรายงานจากนายจ้าง เนื่องจากมีคนหายไป

เชื่อไม่มีการบังคับคนไทยทำงาน หากมีจริงรัฐบาลไทยไม่ยอมเเน่

ส่วนกรณีนายจ้างบังคับคนไทยทำงาน ท่ามกลางสถานการณ์สู้รบนั้น ขณะนี้ข้อมูลยังไม่ชัดเจน ขอตรวจสอบก่อนเพื่อความชัดเจน บางครั้งเป็นกรณีที่นายจ้างอาจมีที่อยู่อาศัยหลายที่ เเละเห็นว่าอยู่ในที่ปลอดภัยเเล้ว จึงไม่ได้ให้เเรงงานไทยกลับ เเต่เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่นายจ้างจะบังคับคนไทยที่ไม่เต็มใจให้ทำงาน เเละเมื่อเหตุการณ์นี้ ภาครัฐไม่ยอมเเน่นอน ต้องมีการเจรจา คนไทยต้องมีสิทธิ์กลับประเทศ

“ถ้าเราเช็กเเล้วมีจริง รัฐบาลไทยไม่ปล่อย รัฐบาลไทยต้องยื่นมือเข้าไป คนไทยถูกบังคับให้ทำงานไม่ได้ ทำงานด้วยสมัครใจเท่านั้น นายจ้างจะมาบังคับ ยิ่งสถานการณ์เเบบนี้ ยิ่งไม่ยอมหรอกครับ “ นายชัย กล่าว

รออิสราเอลพิสูจน์ตัวตนผู้เสียชีวิต พร้อมนำร่างกลับให้เร็วที่สุด

สำหรับร่างคนไทยที่เสียชีวิต รัฐบาลไทย โดยสถานฑูตที่เทลอาวีฟ พยายามเดินเรื่องเต็มที่ เพื่อนำร่างกลับมาโดยเร็ว เเต่ทางการอิสราเอลต้องมีกระบวนการพิสูจน์ทางราชการ เเต่ฝ่ายไทยต้องเร่งเต็มที่เพื่อให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ หากเสร็จกระบวนการ พร้อมดำเนินการนำกลับทันที

“ทางเราเห็นใจ เพราะถ้าเป็นญาติเรา เราก็ใจจดใจจ่อ ก็ต้องขอกราบเรียนว่า ไม่นิ่งนอนใจ รัฐบาลพยายามอย่างยิ่ง เพียงเเต่ว่า ทางอิสราเอลหากยังพิสูจน์ไม่ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็น เขาก็ยังไม่ยืนยัน” นายชัย กล่าว

รัฐบาลพร้อมเยียวทันทีที่ถึงประเทศไทย

การเยียวยาผู้ได้รับผกระทบจากการสู้รบในอิสราเอลนั้นมีเเน่นอน โดยเที่ยวบินเเรกที่กลับมาประเทศไทย วันที่ 12 ตุลาคม 2566 จะมีเจ้าหน้าที่กระทรวงเเรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมเเละความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงสาธารณสุข เเละกระทรวงคมนาคม ไปต้อนรับคนไทย

  • กระทรวงคมนาคม จะจัดรถส่งยังสถาบันบำราศนราดูร เพื่อตรวจสุขภาพคนไทยที่กลับจากอิสราเอล
  • กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการตรวจสุขภาพ
  • กระทรวงเเรงงาน จะดำเนินการจ่ายค่าชดเชยเบื้องต้น จากกองทุนคนหางานไปทำงานต่างประเทศ อำนวยความสะดวกกรอกข้อมูลระหว่างตรวจสุขภาพ

“เจ้าหน้าที่จำดำเนินการให้ โดยที่ท่านไม่ต้องเดินเรื่องเอง อย่างน้อยก่อนกลับบ้านก็จะมีเงินก้อนนึงเยียวยา” นายชัย กล่าว

นายกรัฐมนตรี เเจกเบอร์ส่วนตัวให้เจ้าหน้าที่ ติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง

กระทรวงการต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย รายงานสถานการณ์ เกือบทุก 10 นาที ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อยู่ระหว่างเดินทางไปบรูไน ได้ให้เบอร์ตรงกับเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ติดต่อนายกรัฐมนตรีได้ตลอด 24 ชั่วโมง

รัฐบาลไทยขอให้คำมั่นสัญญา ว่า นายกรัฐมนตรี รัฐบาลเเละเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ให้ความสำคัญสูงสุด ต้องดูเเลคนไทย ให้ได้ปลอดภัยเเละได้เดินทางกลับบ้านโดยเร็วที่สุด จะเพิ่มมาตรการเเละช่องทางที่ทำให้การติดต่อสื่อสารทำให้ดีที่สุด เท่าที่สถานการณ์เอื้ออำนวย

“เราทำอย่างเต็มที่ ท่านนายกฯ ย้ำมาก เวลานี้เรื่องสำคัญเร่งด่วนที่สุด ไม่ว่าติดอะไรขอให้บอก หากฝั่งไทยเเก้ไขได้ เราเเก้ทันที เเละขอให้ญาติไว้วางใจ ว่ารัฐบาลไทยพยายามทุกช่องทางเพื่อเจรจาให้เกิดการปล่อยตัวพี่น้องคนไทยให้กลับมาสู่อ้อมกอดด้วยความปลอดภัย อย่างสุดความสามารถเต็มร้อย” นายชัย กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน […]

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]