พรานล่าเสือทั้ง 5 คนร้องกก. สิทธิมนุษยชน กรณีถูกขับไล่ออกจากอุทยานฯ

กาญจนบุรี 20 ม.ค.- ผู้ต้องหาคดีล่าเสือโคร่ง 2 ตัวในอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ. กาญจนุบรีทำหนังสือถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร้องเรียนที่กรมอุทยานฯ ขับไล่ออกจากอุทยานแห่งชาติเขาแหลมซึ่งพวกเขาทั้ง 5 ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่นั่น


หนังสือดังกล่าวส่งถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อขอความเป็นธรรมและความช่วยเหลือเร่งด่วน ผู้ร้องคือ นายกูกือ ยินดี นายศุภชัย เจริญทรัพย์ นายรัชชานนท์ เจริญทรัพย์ นายจอแห่ง พนารักษ์ และนายโชเอ ไม่มีนามสกุลซึ่งทั้ง 5 คนถูกดำเนินคดีข้อหาล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง ครอบครองอาวุธปืน และนำวัวมาเลี้ยงในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

สำหรับใจความโดยสรุปในหนังสือระบุว่า พวกเขาเป็นเพียงเด็กเลี้ยงวัว-ควาย ไม่ใช่พรานใจโหด ยิงเสือโคร่งเพื่อป้องกันวัว-ควาย ทรัพย์สินที่เป็นรายได้หลักในการยังชีวิต และที่สำคัญนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาอนุรักษ์พื้นป่าและต้นน้ำ โดยหากสื่อมวลชนและสังคมจะให้ความเป็นธรรม มองในมุมกลับของชาวบ้านตาดำๆ จะเห็นว่า พวกเขาต้องเจอกับความไม่ยุติธรรม



สำหรับความเป็นอยู่ของชาวบ้านหมู่บ้านปิล๊อกคี่ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี มีประชากร 2,638 คน 428 ครัวเรือน เป็นคนไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง มอญ และคนไทยพื้นราบที่อพยพขึ้นมายังที่สูงซึ่งน้ำไม่ท่วมถึง เนื่องจากได้รับผลกระทบการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณหรือเขื่อนเขาแหลม ประกอบอาชีพเกษตรกร ลูกหลาน ออกไปทำงานในตัวเมืองใหญ่ๆ ที่นี่ “ไกลปืนเที่ยง”เดินทางลำบากทำให้ความเจริญยังเข้าถึงไม่มากพอ การกำหนดสถานะบุคคลที่มีการสำรวจตกหล่นทำให้บางคนไม่ได้รับสัญชาติไทย ที่ผ่านมาต้องสูญเสียสัตว์เลี้ยงกว่า 30 ตัวซึ่งประเมินมูลค่านับล้านบาท ขณะที่มีรายได้ครัวเรือนเฉลี่ยเพียงปีละไม่เกิน 50,000 บาท จึงต้องระดมกำลังมาปกป้องสัตว์เลี้ยง

ชุมชนนี้ต้องการความสงบ นำหลักกสิกรรมธรรมชาติมาพัฒนาคุณภาพชีวิต ช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา ชาวบ้านพึ่งพาตนเองและแบ่งบันได้ ลูกหลานคนรุ่นใหม่กลับมาพัฒนาแปลงเกษตรให้มีผลผลิตมากขึ้น

ในหนังสือระบุรายละเอียดว่า ชาวบ้านกว่า 50 ครอบครัวเลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพหลัก โดยจะเลี้ยงวัวและควายในทุ่งหญ้าริมขอบอ่างเก็บน้ำเขื่อนชิราลงกรณ พอหลังฤดูฝน น้ำในเขื่อนจะสูงท่วมพื้นที่ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ จะย้ายสัตว์ไปหากินในป่าบนภูเขาแทน จากการสำรวจของปศุสัตว์อำเภอ มีควายมากกว่า 1,500 ตัว วัวมากกว่า 1,100 ตัว ส่วนอาชีพรองของชาวบ้านคือ ทำไร่มันสำปะหลัง สวนเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ปลูกผัก ข้าวไร่ และพืชผลการเกษตร ทั้งยังสร้างกระบวนการความเข้าใจระหว่างชาวบ้านและอุทยานแห่งชาติเขาแหลม หลังมีปัญหามายาวนานเรื่องที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน

จนกระทั่ง ประมาณเดือน ต.ค. 64 พบว่า วัว-ควายที่เลี้ยงไว้บนภูเขาถูกเสือกัดกินและสูญหายไปกว่า 30 ตัว และยิ่งดูเหมือนนับวัน เสือจะยิ่งรุกเข้ามาหากินใกล้หมู่บ้านมากขึ้นๆ ทุกที สร้างความหวาดผวาอย่างมาก เมื่อมีเสือจำนวนมากกว่าปกติเข้ามากินสัตว์เลี้ยง ชาวบ้านจึงต้องสร้างเถียงนาหรือกระต๊อบเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยในการเฝ้าระวังความปลอดภัยให้กับสัตว์เลี้ยงในหลายจุดในป่าบนเขา จึงนำมาถึงเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องรักษาทรัพย์สินและชีวิตของพวกเขาเอง ซึ่งกำลังถูกตีค่าจากสังคมและสื่อมวลชนว่า เป็นความโหดร้ายป่าเถื่อน


เมื่อยิงเสือเพื่อป้องกันตัวเองและทรัพย์สินแล้ว ชาวบ้านนำเนื้อมาทำอาหารกิน เพื่อไม่ให้เสือตายของเปล่า ขณะนี้ผู้กระทำผิดมอบตัวรับสารภาพ รอวันติดคุก แต่เมื่อวันที่ 18 ม.ค. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมนำประกาศตามมติครม. 30 มิ.ย. 41 ไปติดเพื่อขับไล่พวกเขาและครอบครัวให้ออกไปจากเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ทั้งที่ตามหลักกฎหมายพวกเขารอคำพิพากษาของศาลซึ่งเป็นไปตามความผิดเฉพาะตัว แต่ลูกเมีย พ่อแม่ ญาติพี่น้องไม่ได้กระทำความผิดด้วย แต่ถูกสั่งให้รื้อบ้านย้ายออกจากที่ทำกินซึ่งอยู่อาศัยมาแต่เกิดภายใน 30 วัน เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และเป็นโอกาสที่เจ้าหน้าที่จะขับไล่ชาวบ้านให้ออกจากเขตอุทยานฯ ตามที่เขาตั้งใจ

ทั้งนี้สัตว์ป่าจากเขตเมียนมาหนีเสียงปืนเสียงระเบิดดังอยู่อย่างต่อเนื่องจากการสู้รบในประเทศเมียนมาเข้ามายังป่าฝั่งไทย จึงอันตรายต่อชีวิตและสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน หากช้างป่ามากินพืชไร่ จะใช้ประทัดจุดขับไล่ แต่การป้องกันตัวจากเสือกลับถูกดำเนินคดีติดคุกและไล่ที่อยู่อาศัยที่ทำกิน

ดังนั้นจึงขอความเป็นธรรมจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อช่วยหาทางออกในการดำเนินชีวิตของพวกเขาและชาวบ้านต่อไป ลงวันที่ในหนังสือ 19 มกราคม 2565.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

ตาวัย 71 ปี ขับรถพุ่งชนรถพ่วงเสียชีวิต

สมุทรสงคราม 13 ก.ค.-ตาวัย 71 ปี ขับเก๋งพุ่งชนกลางลำรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มขณะกำลังกลับรถ เสียชีวิตบนถนนสมุทรสงครามบางแพ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม กล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มกำลังกลับรถทำให้ตัวรถขวางถนน จังหวะนั้นรถเก๋ง ขับมาด้วยความเร็ว พุ่งชนเข้ากลางลำรถพ่วง เหตุเกิดบนถนนสมุทรสงครามบางแพ บริเวณจุดกลับรถหน้าโรงบรรจุแก๊สหุงต้ม ฝั่งขาเข้าแม่กลอง ม.9 ต.บางช้าง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ช่วงเวลา 19.18 น.วานนี้ (12 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อัมพวา รับแจ้ง จึงเข้าตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่เกิดเหตุพบนายชาญพินิต ส่งชัย อายุ 71 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร คาดเข็มขัดนิรภัย นั่งหมดสติไม่รู้สึกตัวบนเบาะคนขับ เจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างประมาณ 5 นาที กว่าจะนำร่างนายชาญพินิต ออกมาและพยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิต แต่นายชาญพินิต เสียชีวิตแล้ว ใกล้กันพบรถพ่วง 22 ล้อ ลูกพ่วงไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดขวางถนนในลักษณะกำลังกลับรถ บริเวณล้อหลังรถพ่วงมี 3 เพลา รวม 12 ล้อ […]

เตรียมขอข้อมูลเส้นทางการเงิน 4 วัดดัง

13 ก.ค. – ตำรวจเตรียมขอข้อมูลเส้นทางการเงิน 4 วัดดัง เข้าข่ายยักยอกเงินวัด โอนให้สีกา ก. หรือไม่ พบเจ้าอาวาสหนึ่งใน 4 วัด โอนกว่า 1 ล้านบาท ความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกา ก. จากข้อมูลการสืบสวน ตำรวจเตรียมขอความร่วมมือเข้าตรวจสอบวัดที่พบว่ามีความเกี่ยวข้อง 4 วัด ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ได้แก่ วัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา, วัดใหญ่จอมปราสาท จ.สมุทรสาคร, วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ขอตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระชั้นผู้ใหญ่และบัญชีวัด เพื่อหาข้อเท็จจริงว่าเงินที่โอนให้สีกา ก. เป็นเงินส่วนตัวหรือเงินวัด หลังพบว่าพระบางรูปที่มีความสัมพันธ์กับสีกา ก. รวบอำนาจการบริหารจัดการเงินของวัดเพื่อให้ทำธุรกรรมได้สะดวก โดยเฉพาะเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท พบเส้นทางการเงินโอนให้สีกา ก. 2 บัญชี เป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ส่วนพระรูปอื่นๆ ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนสีกา ก. จะมีเจตนาในการข่มขู่รีดไถเงินจากพระหรือไม่ ทางการสอบสวนยังไม่พบหลักฐานชัดเจนเพราะเป็นรสนิยมส่วนตัว โดยพุ่งเป้าเข้าหาพระชั้นผู้ใหญ่ เพื่อมีความสัมพันธ์และนำเงินมาใช้ส่วนตัว […]

รัฐผ่อนปรนรถบัสสองชั้น 6 เส้นทางเสี่ยง เริ่ม 21 ก.ค.นี้

ทำเนียบ 13 ก.ค.-รัฐผ่อนปรนรถบัสสองชั้น 6 เส้นทางเสี่ยง เริ่ม 21 ก.ค.นี้ พร้อมคุมเข้มมาตรฐานความปลอดภัยทุกขั้นตอน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาลโดยกรมขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ได้มีการผ่อนปรนให้รถโดยสารสองชั้นสามารถวิ่งใน 6 เส้นทางได้เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 180 วัน โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ดังนี้ 1.ทางหลวงหมายเลข 4 ช่วงเขาพับผ้า-พัทลุง 2.ทางหลวงหมายเลข 103 ช่วงแม่ยางฮ่อ-แม่ตีบ 3.ทางหลวงหมายเลข 118 ช่วงเชียงใหม่-ดอยนางแก้ว 4.ทางหลวงหมายเลข 2013 ช่วงบ่อโพธิ์-โคกงาม 5.ทางหลวงหมายเลข 2331 ช่วงโจ๊ะโหวะ-อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า และ 6.ทางหลวงหมายเลข 1256 ช่วงปัว- อุทยานแห่งชาติดอยภูคา โดยผู้ประกอบการที่ประสงค์จะเดินรถโดยสารสองชั้น ในเส้นทางผ่อนปรนดังกล่าว จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด ดังนี้ 1.นำรถเข้ารับการตรวจสภาพ (Recall) ณ […]

เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

กทม. 13 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 6 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568) ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะภาคเหนือบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้ ในวันที่ 13 กรกฎาคม […]