สผ. ชูนวัตกรรมเพิ่มประสิทธิภาพนการทำงาน

สผ. 15 ส.ค.63 – สผ. พัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และให้บริการประชาชน เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติไทยแลนด์4.0


ดร.รวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมขาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า สผ.ซึ่งมีภารกิจด้านกำหนดนโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยเสนอแนะนโยบายและแผนการอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ติดตามตรวจสอบมาตรการเงื่อนไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจของประเทศ และสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนและคุณภาพชีวิตที่ดี ภายใต้วิสัยทัศน์ สร้างสมดุลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในปี 2580

ที่ผ่านมา สผ. ได้นำเทคโนโลยีมาใช้สนับสนุนในการปฏิบัติงาน โดยสร้างนวัตกรรม และรูปแบบการบริการใหม่ เช่น  Smart E-Fund  ระบบฐานข้อมูลของกองทุนสิ่งแวดล้อมที่เชื่อมโยงข้อมูลให้ครอบคลุมในทุกด้าน รองรับการใช้งานผ่าน เว็บไซต์ และ แอพพลิเคชั่น ยกระดับการให้บริการแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอน มีความถูกต้องแม่นยำ โดย Smart E-Fund จะเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลทั้ง 3 ระบบ คือ 1. ระบบการยื่นข้อเสนอโครงการ เป็นการยื่นข้อเสนอโครงการด้วยตนเองผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนสิ่งแวดล้อมในการจัดทำโครงการหรือกิจกรรมการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ 2. ระบบการตรวจสอบสถานะโครงการ เป็นการตรวจสอบสถานะของโครงการของผู้ยื่นข้อเสนอโครงการว่าอยู่ในขั้นตอนใด และ 3. ระบบรายงานติดตามโครงการ เป็นการรายงานผลการดำเนินโครงการของผู้ที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อม ให้กองทุนสิ่งแวดล้อมทราบเป็นรายไตรมาสว่าโครงการมีการดำเนินงานตามแผนที่กำหนดไว้หรือไม่ ระบบนี้ยังใช้สืบค้นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2535 จนถึงปัจจุบัน Smart E-Fund เป็นระบบที่สร้างพลังเครือข่ายให้มีส่วนร่วมเพื่อป้องกัน ดูแล ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน แลช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวสู่Thailand 4.0 อย่างเต็มตัว


ระบบคลังข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย TH-BIF หรือ Thailand Biodiversity Information Facility  เป็นศูนย์กลางข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2561-2565 โดยดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลจากหน่วยงาน สถาบันการศึกษาและหน่วยวิจัย ให้บริการสืบค้นข้อมูลพืช สัตว์ และจุลินทรีย์ สิ่งมีชีวิตต่างถิ่น ระดับความรุนแรงของการรุกรานสถานภาพการคุกคาม สถานภาพทางกฎหมาย ภูมิปัญญา และการนำไปใช้ประโยชน์ 

รวมไปถึงข้อมูลสนับสนุนด้านทรัพย์สินทางปัญญา ผู้เชี่ยวชาญ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยสผ. ได้พัฒนาช่องทางการนำเข้าระบบคลังข้อมูล ให้ผู้ใช้งานเข้าถึงเรียกดูข้อมูลได้ ณ จุดเดียว เพิ่มศักยภาพในการคุ้มครองด้านความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนเป็นข้อมูลสนับสนุนการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร งานวิจัย นำมาใช้พัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานความหลากหลายทางชีวภาพ

ระบบสารสนเทศการจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย TGEIS  หรือ  Thailand Greenhouse Gas Emissions Inventory systems เป็นระบบที่ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากรัฐบาลออสเตรเลีย ออกแบบระบบฐานข้อมูลพร้อมพัฒนาเว็บไซต์เป็น เว็บแอพพลิเคชั่นระบบปิด ที่ใช้งานผ่าน Intranet Web Base ช่วยให้มั่นใจในความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล โดยมีวิธีประเมินผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามคู่มือ IPCC 2006 ทำให้ไทยมีฐานข้อมูลกลางในการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูล เพื่อประเมินบัญชีก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นระบบ และประกอบในรายงานที่เสนอต่อUNFCCC ได้ ทั้งนี้ยังเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับนำไปใช้ประกอบในการวางแผนกำหนดนโยบาย มาตรการการลดก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการกำหนดทิศทางการวางยุทธศาสตร์ของประเทศอีกด้วย


สำหรับการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA  สผ. ได้จัดทำศูนย์ข้อมูลการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม Smart EIA  ให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกรวดเร็ว มีการทำงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมถึงง่ายต่อการใช้งานในพื้นที่ สามารถสืบค้นข้อมูล ค้นหาโครงการที่ต้องจัดทำ EIA ที่ผ่านความเห็นชอบจาก สผ. ตรวจสอบได้ว่าบริเวณใกล้เคียงมีโครงการที่ผ่านความเห็นชอบแล้วหรือไม่ และมีรายละเอียดโครงการอย่างไรได้ทันทีผ่านแอพพิเคชั่น โดยประชาชน และหน่วยงานต่าง ๆ สามารถตรวจสอบผลการพิจารณารายงาน EIA สถานะการส่งรายงาน Monitor และสถานภาพการขอรับใบอนุญาตเป็นผู้มีสิทธิทำรายงาน EIA ที่ยื่นผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ 

ด้านเจ้าของโครงการ นิติบุคคล ผู้มีสิทธิทำรายงาน หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจ สามารถตรวจสอบสถานะรายงาน EIA รายงาน Monitor และการขอรับใบอนุญาตเป็นผู้มีสิทธิทำรายงาน EIA ที่ยื่นผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ทั้งกระบวนการเป็นการเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐ 

นอกจากนี้รายงาน EIA รายงาน Monitor และข้อมูลการขอรับใบอนุญาตนั้น ได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยป้องกันและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประชาชนในทุกระดับมีความเสมอภาค และเท่าเทียม ทั้งหมดนี้จะช่วยยกระดับให้ สผ. ก้าวเข้าสู่องค์กรดิจิตอลที่มีการทำงานที่เปิดกว้าง เชื่อมโยงข้อมูลด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ยกระดับการทำงานด้วยนวัตกรรม ซึ่งจะตอบสนองการให้บริการประชาชนและพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้พร้อมเดินทางไปสู่องค์กรดิจิตอล ภายใต้การดำเนินงานที่ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีธรรมาภิบาล บนพื้นฐานการขับเคลื่อนประเทศไทย สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย