กรุงเทพฯ 18 ก.พ. – คพ.แจ้งเตือนโรงงานกลุ่มเสี่ยงไฟไหม้ โดยนับตั้งแต่ 1 ม.ค.68 เกิดไฟไหม้โรงงานไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งแล้ว พร้อมให้ข้อแนะนำการจัดเก็บสารเคมีอันตรายและวัสดุไวไฟเพื่อป้องกันเหตุ
นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์โรงงานไฟไหม้ ช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่ 1 มกราคม – 17 กุมภาพันธ์ 2568 เกิดขึ้นไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิตเบาะวัสดุใยสังเคราะห์ จ.สมุทรปราการ โกดังรีไซเคิลน้ำมัน จ.ชลบุรี โรงงานเก็บกากของเสียอันตราย จ.ระยอง โกดังเก็บพลาสติก เศษพลาสติกและเศษวัสดอื่น ๆ เพื่อรีไซเคิล จ.สมุทรสาคร โดยมีสาเหตุ เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร การปฏิบัติงานที่ผิดวิธี การเสียดสีหรือสะสมความร้อนในกองวัสดุที่สามารถติดไฟได้ ความร้อนหรือประกายไฟจากเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า หลายกรณีทำให้ต้องมีการอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย บางครั้งตรวจพบไอระเหยสารเคมีที่เกิดขึ้นในขณะเกิดเหตุไฟไหม้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
คพ. จึงขอแจ้งเตือนสถานประกอบการที่เป็นกลุ่มเสี่ยง อาทิ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเส้นใย พลาสติก โฟม กระดาษ ยาง เคมีภัณฑ์ ปิโตรเคมี สารเคมี สี สารไวไฟ การแปรรูปไม้ โกดังและคลังสินค้า รวมทั้งสถานประกอบการที่ใช้แอมโมเนียเป็นสารทำความเย็น ต้องให้ความสำคัญกับการเก็บรักษา การจัดระเบียบพื้นที่ในการวางวัสดุ สิ่งของ วัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ ต้องแยกพื้นที่วัสดุอันตราย วัสดุไวไฟ ออกจากวัตถุทั่วไป อยู่ในพื้นที่ระบายอากาศและถ่ายเท ไม่ให้เกิดการสะสมของไอระเหยของสารไวไฟ หมั่นกำจัดขยะที่อาจเป็นแหล่งเชื้อเพลิง เพิ่มความระมัดระวังงานที่ก่อให้เกิดประกายไฟ และความร้อนสูงเป็นพิเศษ เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า การเชื่อม การตัด เจียร การเผา เป็นต้น ต้องตรวจสอบพื้นที่ รวมทั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าเครื่องจักรที่ติดตั้งภายในบริเวณคลังสินค้า เข้มงวดกับมาตรการห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่คลังสินค้า บริเวณวัสดุติดไฟได้ ติดป้ายเตือน/สัญลักษณ์ความปลอดภัย เตรียมความพร้อมของเครื่องมือและอุปกรณ์ในการป้องกันและระงับอัคคีภัย ระบบตรวจจับสัญญานเตือนภัย สัญญานแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ถังดับเพลิง ระบบกระจายน้ำดับเพลิง ป้ายทางออกฉุกเฉิน ป้ายแสดงตำแหน่งอุปกรณ์แจ้งเหตุ/อุปกรณ์ดับเพลิง และที่สำคัญคือ ต้องมีการฝึกอบรม ฝึกปฏิบัติความพร้อมของทีมปฏิบัติงาน เพื่อให้สามารถเผชิญเหตุเบื้องต้นได้เมื่อเกิดเหตุ และซักซ้อมการหนีไฟให้กับผู้ที่ปฏิบัติงานทั่วไป
นอกจากนี้ คพ.ขอให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องเฝ้าระวัง ควบคุมและกำกับดูแลการประกอบกิจการของโรงงาน สถานประกอบกิจการที่มีความเสี่ยงในพื้นที่อย่างเข้มงวด. -512 - สำนักข่าวไทย
