กรุงเทพฯ 10 ม.ค.-อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เผยร่วมกับหลายหน่วยงานดำเนินการตามแผนตรวจจับและห้ามใช้รถควันดำ โดยตั้งจุดตรวจสอบใน กทม.-ปริมณฑล 30 จุด รวมถึงชุมชนเมืองในอีก 35 จังหวัด ส่วนผลการตรวจวัดค่าฝุ่น PM2.5 เช้านี้ พบเกินค่ามาตรฐาน 33 จังหวัด โดยจะเริ่มคลี่คลายตั้งแต่พรุ่งนี้
นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า คพ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแผนการตรวจสอบตรวจจับและห้ามใช้รถควันดำริมเส้นทางจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานครและอีก 35 จังหวัดต่อเนื่องจนถึงเดือนมีนาคม 2568 โดยในกรุงเทพมหานครมีเจ้าหน้าที่ 4 ชุด เข้าร่วมปฏิบัติงานกับกองบังคับการตำรวจจราจร กรมการขนส่งทางบก และกรุงเทพมหานครตามจุดต่างๆ รวมวันละ 14 ชุด ครอบคลุมพื้นที่ 17 เขตของกรุงเทพมหานครได้แก่ เขตคลองสามวา ดอนเมือง ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา บางขุนเทียน บางเขน บางแค บางนา ประเวศ บางบอน ภาษีเจริญ มีนบุรี ลาดกระบัง สายไหม สะพานสูง หนองแขม และหนองจอกนอกจากนี้ยังร่วมกับกรมการขนส่งทางบกซึ่งจะจัดชุดผู้ตรวจการตั้งจุดตรวจสอบรถควันดำในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล วันละ 16 ชุด
สำหรับพื้นที่ต่างจังหวัดให้ดำเนินการเข้มข้นในเมืองหลัก โดยให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1-16 คพ. บูรณาการร่วมกับสำนักงานขนส่งจังหวัด สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งจุดตรวจเข้มใน 35 จังหวัด
สำหรับผลการตรวจสอบตรวจจับรถควันดำในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 – ธันวาคม 2567 ทุกหน่วยงานมีการตรวจสอบรถยนต์ รวมทั้งสิ้น 51,227 คัน ประกอบด้วย รถขนาดใหญ่เช่น รถบรรทุก รถโดยสารตาม พ.ร.บ. ขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 จำนวน 38,078 คัน และรถยนต์ขนาดเล็กตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 เช่น รถยนต์ส่วนบุคคล รถกระบะ 13,149 คัน มีรถยนต์ที่มีควันดำเกินค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด 649 คัน เจ้าของหรือผู้ครอบครองรถยนต์ได้นำไปปรับปรุงแก้ไขเครื่องยนต์เพื่อให้การระบายมลพิษได้ตามมาตรฐานและนำมาขอยกเลิกคำสั่ง 476 คัน คิดเป็นร้อยละ 73
นอกจากนี้ คพ. ได้เข้าตรวจสอบควันดำรถโดยสาร ขสมก. ณ เขตการรถ 8 เขต ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 439 คัน เป็นรถโดยสารปรับอากาศ 103 คัน รถธรรมดา 336 คัน มีควันดำเกินค่ามาตรฐาน 37 คัน โดยแก้ไขแล้ว 17 คัน
หากเจ้าของรถยนต์ยังไม่ดำเนินการแก้ไขหรือนำมายกเลิกคำสั่งภายในระยะเวลา 30 วัน คพ. มีมาตรการในการติดตาม โดยทำหนังสือถึงเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถยนต์เพื่อแสดงหลักฐานการยกเลิกฯ หากพบว่ายังไม่ได้ยกเลิกคำสั่งฯ จะดำเนินการปรับเป็นพินัยกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งห้ามใช้ยานพาหนะของพนักงานเจ้าหน้าที่ ค่าปรับไม่เกินห้าพันบาท ตามมาตรา 102 แห่ง พรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ต่อไป จึงขอความร่วมมือเจ้าของรถยนต์ หมั่นตรวจเช็คสภาพ บำรุงดูแลรักษาเครื่องยนต์ เพื่อลดมลพิษและฝุ่น PM2.5 โดยเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่กำหนดมาตรการเข้มงวดตรวจสอบและห้ามใช้รถยนต์ควันดำในช่วงวิกฤตฝุ่นในเมืองทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด
รายงานของศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศที่ติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศประจำวันที่ 10 มกราคม 2568 ณ 07:00 น. พบเกินค่ามาตรฐานใน 33 จังหวัดได้แก่ จ.ปทุมธานี กรุงเทพฯ จ.นนทบุรี จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรปราการ จ.เชียงราย จ.น่าน จ.พะเยา จ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน จ.ลำปาง จ.แพร่ จ.อุตรดิตถ์ จ.สุโขทัย จ.พิษณุโลก จ.ตาก จ.กำแพงเพชร จ.พิจิตร จ.เพชรบูรณ์ จ.นครสวรรค์ จ.อุทัยธานี จ.ชัยนาท จ.สิงห์บุรี จ.สระบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา จ.กาญจนบุรี จ.ราชบุรี จ.สมุทรสงคราม จ.เพชรบุรี จ.ชลบุรี จ.ระยอง และจ.ชุมพร
ส่วนผลตรวจวัดตามรายภาคมีดังนี้
-ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 12.2 – 71.6 มคก./ลบ.ม.
-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดได้ 14.3 – 34.9 มคก./ลบ.ม.
-ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 32.5 – 70.4 มคก./ลบ.ม.
-ภาคตะวันออก เกินค่ามาตรฐาน 7 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 22.1 – 68.3 มคก./ลบ.ม.
-ภาคใต้ เกินค่ามาตรฐาน 1 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 19.8 – 44.9 มคก./ลบ.ม.
-กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ กทม. เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 24.0 – 65.3 มคก./ลบ.ม.
ในระยะนี้ การสะสมของฝุ่น PM2.5 สะสมสูงเนื่องจากภาวะอากาศปิดใกล้ผิวพื้นและอัตราการระบายอากาศที่ลดต่ำลง แต่คาดว่า ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (11 มกราคม 2568) สถานการณ์จะคลี่คลายตามลำดับ.-512.-สำนักข่าวไทย