เชิญชวนแสดงความคิดเห็นร่าง Thailand Taxonomy ระยะที่ 2

กรุงเทพฯ 2 ม.ค. – กรมลดโลกร้อนร่วมกับธปท. และ ก.ล.ต. เชิญชวนแสดงความคิดเห็นต่อร่าง Thailand Taxonomy ระยะที่ 2 ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้ภาคธุรกิจและภาครัฐมีมาตรฐานเดียวกันในการจำแนกกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อ ทั้งยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมการจัดสรรเงินทุนการบริหารจัดการ ความเสี่ยงและการลงทุนของภาคเอกชน ให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยสามารถแสดงความคิดเห็นได้ถึง 10 ม.ค. 2568


ดร. พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) ในฐานะคณะทำงานมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมได้จัดทำ Thailand Taxonomy ระยะที่ 2 โดยขยายให้ครอบคลุมภาคเศรษฐกิจสำคัญและมิติของวัตถุประสงค์ทางสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เพื่อช่วยให้ภาคธุรกิจและภาครัฐมีมาตรฐานเดียวกันที่สามารถเป็นแนวทางอ้างอิงในการจำแนกกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สอดคล้องกับสากลและเหมาะสมกับบริบทของไทย อีกทั้งสามารถใช้เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมการจัดสรรเงินทุนการบริหารจัดการ ความเสี่ยงและการลงทุนของภาคเอกชน รวมถึงการกำหนดนโยบายและมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

สำหรับร่าง Thailand Taxonomy ระยะที่ 2 ได้จำแนกกลุ่มกิจกรรมภาคเศรษฐกิจ ดังนี้


  • สาขาเกษตร
  • อาคารและอสังหาริมทรัพย์
  • อุตสาหกรรมการผลิต
  • การจัดการของเสีย

ทั้งนี้ได้เปิดให้ภาคส่วนต่างๆ ร่วมให้ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อร่าง Thailand Taxonomy ระยะที่ 2 จนถึงวันที่ 10 มกราคม 2568 โดยสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม หรือที่ลิงค์ https://www.dcce.go.th/news/project.aspx?p=2161

ดร. พิรุณกล่าวว่า ล่าสุดกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมได้ส่งรายงานความโปร่งใสรายสองปี ฉบับที่ 1 ของประเทศไทย (Thailand’s First Biennial Transparency Report : BTR1) ไปยังสำนักเลขาธิการกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC)

ทั้งนี้ รายงาน BTR1 ของประเทศไทย มีสาระสำคัญ ประกอบด้วย


1) สภาวการณ์ของประเทศ
2) บัญชีก๊าซเรือนกระจกของประเทศ โดยนำเสนอปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ระหว่างปี ค.ศ. 2000-2022 ซึ่งปี ค.ศ. 2022 ประเทศไทยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวม 278,039.73 ktCO2eq (รวมภาคป่าไม้และการใช้ประโยชน์ที่ดิน) และมีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 385,941.14 ktCO2eq (ไม่รวมภาคป่าไม้และการใช้ประโยชน์ที่ดิน)
3) ความก้าวหน้าของการดำเนินงานด้านการลดก๊าซเรือนกระจกเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย NDC ในปี ค.ศ. 2021 – 2022 ประเทศไทยมีการลดก๊าซเรือนกระจก รวม 60.33 MtCO2eq และ 65.23 MtCO2eq ตามลำดับ สำหรับความก้าวหน้าในการดำเนินงานตาม NDC ภายใต้มาตรา 4 ของความตกลงปารีส ประเทศไทยมีความก้าวหน้าในการดำเนินงานที่ร้อยละ 30.46 เมื่อเทียบกับ BAU และการถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศทั้งสิ้น 1,916 tCO2eq ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศ
4) ผลกระทบและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและนำร่องด้านการปรับตัว 6 สาขา จำนวน 6 จังหวัด แ
5) การเงิน การพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี และข้อจำกัด ช่องว่าง ความต้องการและการสนับสนุนที่ได้รับ วงเงินประมาณ 38,668.47 ล้านบาท หรือ 1,102.92 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

การส่งรายงานความโปร่งใสต่อสำนักเลขาธิการ UNFCCC มีวัตถุประสงคเพื่อสื่อสารความคืบหน้า ผลการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยไปสู่ประชาคมโลก อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสในการขอรับการสนับสนุนเทคโนโลยี องค์ความรู้ และแหล่งเงินทุนต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ ขับเคลื่อนการดำเนินงานไปสู่เป้าหมายของประเทศ .512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

PEA ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 5 จุด

เริ่มแล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รับนโยบาย สมช.สั่งตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา 5 จุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้

บุกจับกำนันหญิงแหนบทองคำ ฉ้อโกง 41 ล้าน

ตำรวจพิษณุโลกเปิดปฏิบัติการ “หักขาไก่” นำ 10 หมายจับ รวบตัว “กำนันหญิงแหนบทองคำ” ประธานกองทุนหมู่บ้าน กับคณะกรรมการกองทุนฯ ร่วมฉ้อโกงประชาชน หลังชาวบ้าน 140 ราย แจ้งความ มูลค่าความเสียหาย 41 ล้านบาท

ชาวเมียวดีหวั่นถูกตัดไฟฟ้า เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์

ชาวบ้านเมียวดี ฝั่งเมียนมา ตรงข้ามชายแดนแม่สอด จ.ตาก หวั่นไทยตัดไฟฟ้า กระทบวงกว้าง เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์-เครื่องปั่นไฟ รับมือ ด้าน PEA ชี้ตัดไฟเมียนมาอาจสูญเปล่า หากไม่พิจารณาให้ครบถ้วน

ข่าวแนะนำ

รวบแล้วนักโทษหนีเรือนจำนนทบุรี จนมุมที่ จ.ชลบุรี

จับได้แล้วนักโทษชายหนีเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ระหว่างออกกองงานภายนอก จนมุมที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางแสน จ.ชลบุรี ก่อนนำตัวมาสอบสวนและดำเนินคดีที่ สภ.เมืองนนทบุรี

ตัดไฟ 5 จุดชายแดนเมียนมา วันแรก กระทบชาวบ้านหลายหมื่นคน

หลังทางการไทยตัดไฟฟ้าที่เชื่อมโยงไปยังเมืองเมียวดี ฝั่งเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ส่งผลชาวบ้านแห่กักตุนน้ำมัน โรงพยาบาลเมียวดีได้รับผลกระทบในการเก็บเวชภัณฑ์ที่ต้องใช้ตู้แช่

ตร.ปัตตานีเร่งล่า 6 คนร้ายควงปืนปล้นร้านสะดวกซื้อ

อุกอาจ 6 คนร้าย พร้อมอาวุธมีด-ปืน ยกพวกปล้นร้านสะดวกซื้อใน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ได้เงินไป 4,492 บาท ตำรวจเร่งไล่กล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ที่คนร้ายใช้เป็นเส้นทางหลบหนี

นายกฯ​ ยกคณะเยือนจีน หารือความร่วมมือรอบด้าน

นายกรัฐมนตรี​ ยกคณะเยือนจีนอย่างเป็นทางการ หารือความร่วมมือรอบด้าน แก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ ย้ำไทยปลอดภัย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนตลอดปี สานต่อ​รถไฟความเร็วสูง-แลนด์บริดจ์ ขณะที่เตรียมรับแพนด้ายักษ์คู่ใหม่​ และจะไปให้กำลังใจนักกีฬาไทยแข่งเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว