กรุงเทพฯ 22 ต.ค. – รองอธิบดีกรมป่าไม้ระบุ เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจการใช้ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติอีกครั้งวันนี้ นอกจากรังวัดแนวเขตด้วยการจับพิกัด GPS แล้วทาบบนแผนที่แล้ว ยังให้เดินสำรวจกับหมุดอ้างอิงเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า เกินกว่าที่ขออนุญาตจากกรมป่าไม้ไว้หรือไม่
นายบรรณารักษ์ เสริมทอง รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ช่วงสายวันนี้เจ้าหน้าที่จากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) เข้าตรวจสอบแนวเขตที่ดินของศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวันที่ก่อตั้งโดยพระมหาวุฒิชัย หรือพระ ว.วชิรเมธี โดยเชิญผู้นำชุมชนและผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนา มาร่วมตรวจสอบด้วยเพื่อให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส
วานนี้ได้รังวัดแนวเขตด้วยการจับพิกัด GPS แล้วนำมาทาบบนแผนที่แล้ว แต่การจะบอกให้ชัดเจนว่า ที่ดินซึ่งขออนุญาตใช้โดยมูลนิธิวิมุตตยาลัยแปลงหนึ่งและสำนักงานพระพุทธศาสนาแปลงหนึ่งรวมประมาณ 140 ไร่ มีการใช้ประโยชน์เกินกว่าที่ขออนุญาตหรือไม่ซึ่งจะต้องเดินสำรวจตามแนวหมุดอ้างอิงตลอดรูปแปลง หากพบว่า มีการครอบครองเกินกว่าที่ขออนุญาตไว้ ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมอีกว่า ลักษณะการครอบครองเป็นแบบใดเช่น มีการบุกรุกแผ้วถางหรือยังคงปล่อยให้มีสภาพป่าแบบเดิมเนื่องจากพื้นที่ที่มีสภาพป่านั้น ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้
รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า หากมีการบุกรุกแผ้วถางป่า เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ซึ่งมีทั้งโทษจำและโทษปรับ แต่ยืนยันว่าจะต้องตรวจสอบให้แน่ชัดและโปร่งใส ซึ่งคาดว่าการเดินสำรวจแนวหมุดตลอดรูปแปลงจะใช้เวลาไม่เกิน 2-3 วัน
สำหรับข้อกังวลใจของประชาชนเกี่ยวกับการที่มีวัดหรือสำนักสงฆ์ก่อสร้างในเขตป่าสงวนแห่งชาตินั้น เป็นไปตามมติของ ครม. เพื่อให้การครอบครองแบบไม่ถูกต้องเป็นไปอย่างถูกต้อง โดยมีสถานที่ราชการอีกจำนวนมากที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งจะต้องทำเรื่องขอใช้พื้นที่มายังกรมป่าไม้ โดยจะส่งผลให้กรมป่าไม้มีข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะการใช้ประโยชน์ จำนวนพื้นที่ที่แน่ชัด และสามารถควบคุมไม่ให้เกิดการรุกล้ำพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเพิ่มเติมได้. -512 – สำนักข่าวไทย