คาดน้ำล้นตลิ่งหลายสาย สทนช. เฝ้าระวัง-แจ้งเตือนทุกพื้นที่เสี่ยง

กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – สทนช.ระบุฝนที่ตกหนักต่อเนื่องทำให้แม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาหลายสายเสี่ยงล้นตลิ่ง โดยฝนตกหนักตั้งแต่ปลายสัปดาห์แล้วจากอิทธิพลของพายุซูลิก ต่อเนื่องด้วยร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรง แต่น้ำเหนือที่จะไหลลงสู่พื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง จะไม่ทำให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นอย่างฉับพลันจึงขอให้ประชาชนไม่ต้องตระหนกว่า จะเกิดอุทกภัยรุนแรง


นายฐนโรจน์ วรรัฐประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว จากอิทธิพลของพายุซูลิก ส่วนระยะนี้ร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านทางตอนบนของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังค่อนข้างแรงและมีแนวสอบของลมบริเวณอ่าวไทยทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกมีฝนตกต่อเนื่อง

วานนี้ฝนที่ตกหนักในอำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย วัดปริมาณฝน 24 ชั่วโมง ได้มากถึง 160 มิลลิเมตร ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำจะไหลตามลำน้ำแม่ลาว คาดว่าจะมีน้ำล้นตลิ่งในอำเภอแม่สรวยประมาณ 50 เซนติเมตรถึง 1 เมตร แล้วไหลต่อไปยังอำเภอเมืองเชียงรายซึ่งจะทำให้ระดับน้ำในตัวเมืองเชียงรายปริ่มตลิ่ง โดยอาจล้นตลิ่งเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ แล้วไหลลงสู่แม่น้ำโขงต่อไป สทนช. แจ้งเตือนไปยังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ให้แจ้งจังหวัดเชียงรายเพื่อแจ้งเตือนประชาชนแล้ว


ที่ลุ่มน้ำวัง มีฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนกิ่วลมและกิ่วคอหมาซึ่งมีน้ำมากออกมาสมทบ สทนช. คาดว่าจะมีน้ำล้นตลิ่งที่อำเมืองลำปางซึ่งได้แจ้งปภ. และคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขสถานการณ์อุทกภัยด้วยแล้ว น้ำจะไหลต่อไปยังอำเภอเถินซึ่งคาดการณ์ว่า ในช่วงวันที่ 28 กันยายน – 2 ตุลาคม 2567 จะมีน้ำล้นตลิ่งบริเวณที่ลุ่มต่ำประมาณ 20 – 50 เซนติเมตร ส่วนที่จังหวัดตาก คาดการณ์ว่า จะน้ำล้นตลิ่งบริเวณที่ลุ่มต่ำในอำเภอสามเงาประมาณ 1.0 – 1.3 ม. ในช่วงวันที่ 24 กันยายน – 3 ตุลาคม 2567

ส่วนที่ลุ่มน้ำน่าน คาดว่าจะมีน้ำล้นตลิ่งที่อำเภอเวียงสา จังหวัดน่านในอีก 2 – 3 วันนี้ ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นในแม่น้ำน่านจะไหลลงสู่เขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งขณะนี้ยังสามารถรองรับได้อยู่ แต่คาดว่าจะทำให้เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นเกือบ 90% ของความจุ

สำหรับลุ่มน้ำยม คาดว่า ในระยะ 7 วันนี้จะมีน้ำล้นตลิ่งในจังหวัดแพร่ตั้งแต่อำเภอสอง อำเภอเมืองแพร่ และอำเภอวังชิ้นประมาณ 1.50 – 2.00 เมตร น้ำในแม่น้ำยมจะไหลต่อเนื่องผ่านจังหวัดสุโขทัยและพิษณุโลกตามลำดับ คาดว่าสถานการณ์น้ำจะใกล้เคียงกับที่เกิดอุทกภัยในลุ่มน้ำยมเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยปริมาณน้ำไหลผ่านอำเภอศรีสัชนาลัยประมาณ 1,800 ลบ.ม./วินาทีจึงจะใช้ประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ผันน้ำเพื่อแบ่งน้ำเข้าคลองหกบาท แม่น้ำยมสายเก่า และคลองยม-น่าน นอกจากนี้สทนช. ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการผันน้ำเข้าแก้มลิงทุ่งบางระกำที่สามารถรับน้ำได้อีก 50% และรับน้ำเข้าทุ่งทะเลหลวงเพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านตัวเมืองสุโขทัย ไม่ให้เกินความจุลำน้ำ ตลอดจนเป็นการแบ่งน้ำที่จะไหลลงสู่ลุ่มเจ้าพระยา โดยให้ทยอยไหลลงมา


อีกกลุ่มน้ำที่ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิดคือ ลุ่มน้ำป่าสัก คาดการณ์ว่า ที่อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ จะเกิดน้ำไหลหลากและล้นตลิ่งประมาณ 50 เซนติเมตรถึง 1 เมตร ภาคตะวันออกต้องเฝ้าระวังที่อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด น้ำแม่น้ำเขาสมิงจะล้นตลิ่งประมาณ 50 เซนติเมตร

นายฐนโรจน์ กล่าวย้ำว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่สถานี C.2 อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ความจุลำน้ำ 3,660 ลบ.ม./วินาที ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 1,470 ลบ.ม./วินาที คิดเป็น 40% ของความจุลำน้ำ คาดว่า ในช่วง 7 วันข้างหน้าจะมีปริมาณน้ำจะอยู่ในช่วง 1,661 – 2,046 ลบ.ม./วินาที คิดเป็น 45 – 56% ของความจุลำน้ำ กรมชลประทานแจ้งมายังสทนช. ว่า จะทยอยปรับการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาให้สอดคล้องกับทั้งน้ำเหนือและฝนที่ตกในพื้นที่ จากที่ระบายวันนี้ในอัตรา 1,049 ลบ.ม./วินาทีและจะปรับเป็น 1,100 ลบ.ม. /วินาที แล้วคงอัตราต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้กรมชลประทานพร่องน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาลงอีก 1 เมตรเพื่อรองรับน้ำระลอกใหม่ พร้อมกับแบ่งเข้าระบบชลประทานทั้งฝั่งซ้ายและขวาด้วย เมื่อติดตามปริมาณน้ำที่ไหลผ่านสถานี C.29A ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากความจุลำน้ำ 3,500 ลบ.ม./วินาที พบว่า วันนี้อยู่ที่อัตรา 1,521 ลบ.ม./วินาที คิดเป็น 43% ของความจุลำน้ำ ดังนั้นจะมีการบริหารจัดการเพื่อไม่ให้แม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูงขึ้นอย่างฉับพลัน ประชาชนจึงไม่ต้องเป็นกังวลว่า พื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างจะเกิดอุทกภัย

สถานการณ์น้ำท่วมปัจจุบันพบใน 9 จังหวัดได้แก่

  • จังหวัดเชียงรายที่อำเภอแม่สาย เวียงป่าเป้า และเมืองเชียงราย
  • จังหวัดเชียงใหม่ที่อำเภอแม่ริม
  • จังหวัดน่านที่อำเภอนาน้อย นาหมื่น และเวียงสา
  • จังหวัดลำปางที่อำเภองาว เมืองลำปาง เกาะคา ห้างฉัตร แม่พริก สบปราบ เถิน แม่เมาะ และวังเหนือ
  • จังหวัดแพร่ที่อำเภอลองและวังชิ้น
  • จังหวัดพิษณุโลกที่อำเภอพรหมพิราม บางระกำ และเมืองพิษณุโลก
  • จังหวัดเลยที่อำเภอเมืองเลย
  • จังหวัดหนองคายที่อำเภอศรีเชียงใหม่ ท่าบ่อ เมืองหนองคาย และโพนพิสัย
  • จังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่อำเภอบางบาล บางปะอิน ผักไห่ พระนครศรีอยุธยา เสนา และบางไทร

ส่วนผลการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงอุทกภัยล่วงหน้า 3 วันในช่วงวันที่ 24 – 26 กันยายน 2567 สทนช. พบพื้นที่เสี่ยง 16 จังหวัด ได้แก่

  1. ภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ที่อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดลำปาง ที่อำเภอสบปราบและเมืองปาน จังหวัดพะเยา ที่อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดแพร่ที่อำเภอวังชิ้น จังหวัดพิษณุโลกที่อำเภอนครไทย วังทอง และเนินมะปราง และจังหวัดเพชรบูรณ์ที่อำเภอเขาค้อ
  2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดนครพนม ที่อำเภอนาแก จังหวัดสกลนคร ที่อำเภอเต่างอย จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่อำเภอนาคู และจังหวัดอุบลราชธานี ที่อำเภอน้ำยืน
  3. ภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดปราจีนบุรี ที่อำเภอนาดี และจังหวัดตราด ที่อำเภอบ่อไร่
  4. ภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานีที่อำเภอพระแสง จังหวัดนครศรีธรรมราชที่อำเภอท่าศาลา จังหวัดสตูลที่อำเภอควนโดน และจังหวัดยะลาที่อำเภอเบตง

ทั้งนี้ สทนช. ได้ประสานข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความรับมือสถานการณ์ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว. -512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กระเช้าหลุด ช่างทาสีร่วงตึก 5 ชั้น ตาย 1 สาหัส 1

พัทลุง 2 ส.ค. – เกิดเหตุสลด กระเช้าปลายบูมหลุดจากเครน ช่างทาสีร่วงจากตึก 5 ชั้น เสียชีวิต 1 เจ็บสาหัส 1 ที่ไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียน จ.พัทลุง เกิดเหตุสลดกลางไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อกระเช้าที่ผูกติดกับหัวเครนเกิดหัก หลุดจากตึกสูง 5 ชั้น ส่งผลให้ช่างทาสี 2 คน ที่อยู่บนกระเช้าร่วงตกลงกระแทกพื้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 1 คน คือ นายธวัชชัย อายุ 36 ปี และนายชุติเดช อายุ 43 ปี บาดเจ็บสาหัส ขาทั้งสองข้างหักละเอียด แขนซ้ายหักผิดรูป เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุงอย่างเร่งด่วน ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คนงานทั้ง 2 เป็นช่างทาสี ได้ขึ้นกระเช้าเหล็กเพื่อขึ้นไปทาสีบริเวณชั้น 5 ของอาคาร ซึ่งมีความสูงประมาณ 26 เมตร แต่ด้วยน้ำหนักของคนงานทั้งสองคน […]

รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง

ทำเนียบ 2 ส.ค.-รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง ด้วยพยานหลักฐานทุกมิติ ต่อประชาคมโลกผ่าน OSCE-เวทีระดับสูงด้านความมั่นคงของยุโรป ยืนยันหลักสันติวิธี ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และตอกย้ำว่าการปกป้องประชาชนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายสากล พร้อมใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบทบาทของประเทศไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวานนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุม Helsinki+50 ในกรอบองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe: OSCE) ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมี นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยในช่วงของการกล่าวถ้อยแถลง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ย้ำท่าทีของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า “ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และหลักการของ Helsinki Final […]

EOD เก็บกู้ระเบิดฝังอยู่ใกล้ปั๊มที่ถูกกัมพูชายิงใส่

ศรีสะเกษ 2 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายหัวระเบิด HE ของจรวด BM 21 ที่ฝังอยู่บนถนนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อทำลายระเบิดที่ฝังอยู่ในถนน บ้านน้ำเย็น-บ้านผือ ฝั่งมุ่งหน้าเขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือน โดยจุดที่ระเบิดถูกฝังบนถนนอยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นระเบิดที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม พร้อมกับเหตุการณ์ยิงกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาทำเป็นบังเกอร์ล้อมรอบจุดที่ระเบิดฝังอยู่ในถนน เจ้าหน้าที่ชุดจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่ 22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC โดยมีการปิดถนนรัศมี 1 กิโลเมตร […]

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]