กรุงเทพฯ 17 ก.ย. – สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ออกประกาศแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำบริเวณลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ คาดพรุ่งนี้ (18 ก.ย.) น้ำจะล้นตลิ่งที่ จ.นครพนม รวมถึงริมลำน้ำห้วยหลวง จ.อุดรธานี ตลอดจนพื้นที่ด้านท้ายอ่างเก็บน้ำห้วยหลวง จ.อุดรธานี และหนองคาย
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำบริเวณลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ โดยจากติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่า ร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้มีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนัก และมีน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบน ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ และจาการประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำพบว่า มีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวัง ดังนี้
- สถานการณ์แม่น้ำโขงเนื่องจากขณะนี้มวลน้ำหลากในแม่น้ำโขงได้ไหลผ่านจังหวัดเลย หนองคาย และบึงกาฬ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2567 โดยมีปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดหนองคายสูงสุด 21,187 ลูกบาศก์เมตร/วินาที สูงกว่าตลิ่ง 1.62 เมตร และจะเคลื่อนตัวผ่านจังหวัดบึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นประมาณ 0.5 – 1.0 เมตร ในช่วงวันที่ 18 – 21 กันยายน 2567 โดยเฉพาะจังหวัดนครพนม ระดับน้ำมีแนวโน้มล้นตลิ่ง 0.3 – 0.5 เมตร ในวันที่ 18 กันยายน 2567
- สถานการณ์น้ำห้วยหลวง บริเวณสถานีบ้านโนนตูม (Kh.103) อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ระดับน้ำ ณ วันที่ 16 กันยายน 2567 สูงกว่าตลิ่ง 0.21 เมตร จากการคาดการณ์แนวโน้ม พบว่า ในวันที่ 17 กันยายน 2567 ระดับน้ำห้วยหลวงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงสุดเนื่องจากแม่น้ำโขงมีระดับน้ำสูงกว่าลำน้ำสาขาจึงไม่สามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงได้สะดวกซึ่งส่งผลให้ปริมาณน้ำล้นตลิ่งต่ำและไหลหลากเข้าท่วมชุมชนที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมลำน้ำ จึงขอให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมขังบริเวณพื้นที่ด้านท้ายน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยหลวงได้แก่ อำเภอกุดจับ เมืองอุดรธานี และสร้างคอม จังหวัดอุดรธานี รวมถึงอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคายในช่วงวันที่ 17 – 22 กันยายน 2567
ทั้งนี้ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โปรดดำเนินการ ดังนี้ 1. ขอให้เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นและเตรียมรับมือจากสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งและท่วมขังบริเวณริมแม่น้ำโขงและริมลำน้ำบางสาขาของประเทศไทยที่ไม่สามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงได้โดยสะดวก 2. วางแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยปรับแผนการระบายน้ำของอ่างเก็บน้ำ เขื่อนระบายน้ำ และระบบชลประทาน เตรียมพร้อมบุคลากร เครื่องจักรให้พร้อมใช้งาน เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อประชาชน และ 3. ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำและแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ประชาชนที่คาดว่า จะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการขนของขึ้นสู่บริเวณที่สูงหรืออพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์. -512 – สำนักข่าวไทย