กรุงเทพฯ 17 ก.ย. – กรมอุตุฯ ออกประกาศเรื่องพายุ “ดีเปรสชัน” ในทะเลจีนใต้ มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน คาดขึ้นฝั่งประเทศเวียดนาม ช่วง 20-21 ก.ย. จะส่งผลกระทบให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมาก-ลมแรง ระหว่างวันที่ 20-23 ก.ย.นี้
นางสาวกรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ลงนามในประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุดีเปรสชัน ฉบับที่ 1 ซึ่งระบุว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันนี้ (17 ก.ย.) พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจุด 17.5 องศาเหนือ ความเร็วประมาณ 3 กม./ชม. มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนซึ่งคาดว่า ในช่วงวันที่ 20 – 21 ก.ย.67 จะเคลื่อนขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามตอนกลาง จากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ โดยจะส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้น ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง และมีลมแรงในช่วงวันที่ 20-23 ก.ย. 67
นอกจากนี้ในช่วงวันที่ 17-21 ก.ย. 67 ร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ซึ่งจะส่งผลให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยภาคตะวันออกและภาคใต้จะมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ทั้งนี้เรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง
นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่พายุจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดหนองคายและนครพนม ขณะเดียวกันมวลอากาศเย็นจากจีนเริ่มแผ่ลงมาซึ่งอาจส่งผลให้เมื่อพายุขึ้นฝั่ง จะอ่อนกำลังลงกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำก่อนเข้าสู่ประเทศไทย แต่ขอบของพายุที่อ่อนกำลังลงแล้ว จะยังคงส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้น โดยตกหนักถึงหนักมากบางแห่งและมีลมแรง
ส่วนพายุโซนร้อน “ปูลาซัน Pulasan)” ซึ่งเป็นพายุลูกที่ 14 ในมหาสมุทรแปซิฟิก ตั้งชื่อโดยประเทศมาเลเซีย หมายถึง ผลไม้ชนิดหนึ่งคล้ายเงาะ พายุลูกนี้จะเคลื่อนขึ้นไปยังประเทศจีน โดยมีมีผลกระทบต่อประเทศไทย
กรมอุตุนิยมวิทยา ยังคงติดตามการเกิดพายุและทิศทางการเคลื่อนตัวของพายุอย่างใกล้ชิดและขอให้ประชาชนติดตามการประกาศเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่องที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ไต้ตลอด 24 ชั่วโมง. -512 – สำนักข่าวไทย