กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – อธิบดีกรมชลประทาน เผยยกบานระบายน้ำเขื่อนกั้นลำน้ำชี-มูล เร่งระบายน้ำเพื่อรองรับฝนที่จะตกลงมาเพิ่มและตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ตามการคาดการณ์ของกรมอุตุฯ ส่วนภาคกลาง ยังคงปรับลดการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา แต่ขอความร่วมมือเกษตรกรไม่ทำนาปีต่อเนื่องเพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อผลผลิตจากฝนชุกปลายฤดู ล่าสุดร่วมกับ สทนช. ตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าเพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำภาคกลางอย่างใกล้ชิด
นายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ได้สั่งการให้เร่งระบายน้ำจากแม่น้ำชีให้ไหลลงแม่น้ำน้ำมูลออกสู่แม่น้ำโขงโดยเร็วด้วยการควบคุมบานระบายของเชื่อนในแม่น้ำชีทุกแห่ง ตลอดจนพร่องน้ำที่เขื่อนราษีไศลและเขื่อนหัวนา ซึ่งเป็นเขื่อนกั้นลำน้ำมูลให้มากที่สุด พร้อมทั้งแขวนบานที่เขื่อนปากมูล จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่แม่น้ำโขง โดยเป็นการเตรียมพร้อมรองรับปริมาณฝนที่จะตกเพิ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือระหว่างวันที่ 16-17 กันยายนนี้ ตามการแจ้งเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา
แม้ขณะนี้ระดับน้ำแม่น้ำโขงจะสูงขึ้น แต่ยังสามารถระบายได้เนื่องจากระดับน้ำแม่น้ำมูลที่แก่งสะพือ สูงกว่าระดับน้ำแม่น้ำโขงถึง 7 เมตร แต่เน้นย้ำว่า ต้องควบคุมไม่ให้ระดับน้ำลดลงอย่างรวดเร็วจนเกินไปเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ตลิ่งทรุดและเป็นระดับน้ำที่แพสูบน้ำต่าง ๆ ของท้องถิ่นสามารถลอยน้ำอยู่ได้ ตลอดจนเฝ้าระวังและป้องกันพื้นที่น้ำท่วมชุมชนในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี เทศบาลเมืองวารินชำราบ และอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ด้วยการวางแผนเสริมกำแพงปิดช่องว่างที่ระดับ +113.50 ม.รทก. จากความจุลำน้ำเดิม 2,300 ลบ.ม./วินาที จะเพิ่มเป็น 3,200 ลบ.ม./วินาที โดยเพิ่มความจุลำน้ำขึ้นอีก 39%
สำหรับสถานการณ์ที่จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ปัจจุบันฝนหยุดตก อีกทั้งกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ฝนบริเวณภาคเหนือตอนบนจะลดลงเนื่องจากร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระดับน้ำในลำน้ำต่างๆ ลดลงเข้าสู่ระดับตลิ่ง ก่อนหน้านี้ได้เร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำต่าง ๆ เพื่อให้น้ำที่ท่วมขังไหลกลับลงสู่ลำน้ำเดิมได้สะดวกและใช้เครื่องสูบน้ำสูบออก
นายชูชาติ กล่าวถึง สถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาว่า ที่สถานี C2 อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,206 ลบ.ม./วินาที ลดลงจากวานนี้ ซึ่งอยู่ที่ 1,246 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 5.05 เมตร ส่วนที่สถานี C13 เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,150 ลบ.ม./วินาที เท่ากับเมื่อวานนี้ แต่กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศแจ้งเตือนว่า อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ของภาคกลางจึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำและพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ เฝ้าระวังระดับน้ำจากฝนที่ตกเพิ่มในช่วงนี้อย่างใกล้ชิด หากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นและมีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา กรมชลประทานจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะต่อไป
นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือเกษตรกรในลุ่มน้ำเจ้าพระยา งดทำนาปีต่อเนื่องเพราะในช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคม ประเทศไทยจะมีฝนตกชุกหนาแน่นและพื้นที่ส่วนใหญ่มีฝนตกชุกมากที่สุดในรอบปี จากอิทธิพลของร่องมรสุมที่พาดผ่านบริเวณภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงเป็นระยะๆ นอกจากนี้ยังอาจได้รับอิทธิพลจากพายุเขตร้อนเคลื่อนเข้าใกล้หรือเข้าสู่ประเทศไทยบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลาง หลังการเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จ ขอให้งดเว้นการปลูกข้าวต่อเพื่อลดความเสี่ยงผลผลิตเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น
ล่าสุดกรมชลประทานร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศูนย์บริหารจัดการน้ำพื้นที่ภาคกลางที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างเป็นเอกภาพในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ป่าสัก สะแกกรัง และท่าจีนเพื่อให้สามารถประเมินสถานการณ์และแก้ไขปัญหาให้ทันท่วงที รวมถึงสามารถแจ้งเตือนประชาชนหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อลดผลกระทบ
ปัจจุบันลุ่มน้ำภาคกลาง อ่างเก็บน้ำยังคงมีพื้นที่รองรับน้ำได้อีก ตลอดจนเตรียมความพร้อมพื้นที่ทุ่งลุ่มต่ำ 11 ทุ่ง เพื่อเตรียมไว้เป็นพื้นที่หน่วงน้ำ โดยกรมชลประทานได้สร้างการรับรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังเตรียมพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือที่จะช่วยระบายน้ำในกรณีที่เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคกลางเพื่อลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด. -512 – สำนักข่าวไทย