ฟ้องแล้ว คดีปลาหมอคางดำทั้งศาลแพ่งและศาลปกครอง

กรุงเทพฯ 5 ก.ย. – สภาทนายความยื่นฟ้องคดีปลาหมอคางดำต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้เพื่อเรียกค่าเสียหายจากบริษัทที่ขออนุญาตนำเข้า เป็นการเรียกค่าสินไหมทดแทนจากการถูกละเมิดสิทธิในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ โดยให้ชดใช้แก่ชาวประมงจังหวัดสมุทรสงคราม ตลอดจนร้องศาลปกครองเอาผิดเจ้าหน้าที่และหน่วยงานรัฐฐานละเลยต่อหน้าที่ ไม่ยับยั้งความเสียหายจากการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ


นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า คณะทำงานให้ความช่วยเหลือกรณีปลาหมอคางดำแพร่ระบาดนำนายปัญญา โตกทอง กับพวกรวม 10 คน เป็นตัวแทนของกลุ่มผู้ประกอบอาชีพประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและตัวแทนประมงพื้นบ้านในเขตอำเภออัมพวา อำเภอบางคนที และอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงครามกว่า 1,400 คน ยื่นฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทแห่งหนึ่งกับกรรมการบริหารรวม 9 คนต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้เป็นคดีสิ่งแวดล้อมและขออนุญาตฟ้องคดีแบบกลุ่ม โดยเรียกค่าสินไหมทดแทนจากการขาดรายได้ในอาชีพประมงเพาะเลี้ยงและประมงพื้นบ้านและจากการถูกละเมิดสิทธิในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติรวมถึงมีคำขอบังคับให้บริษัทแก้ไขฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติที่สูญเสียไปให้กลับสู่สภาพเดิม ด้วยค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ ตามหลัก “ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย”

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการที่บริษัทเป็นผู้ขออนุญาตและนำเข้าสัตว์น้ำต่างถิ่นจากประเทศกานาคือ ปลาหมอคางดำ (Sarotherodonmelanotheron) ซึ่งเป็นสัตว์น้ำอันตรายต่อระบบนิเวศน์และสัตว์น้ำท้องถิ่น เข้ามาทดลองพัฒนาสายพันธุ์เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ และด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่อของบริษัทฯ ที่เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองสัตว์น้ำอันตราย ทำให้เกิดการหลุดรอดของปลาหมอคางดำจากแหล่งเพาะเลี้ยงออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะ แพร่พันธุ์และเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วเกิดการแพร่ระบาดเข้าสู่บ่อเพาะเลี้ยงของชาวประมงและกระจายไปหลายจังหวัดของประเทศ


สำหรับขอบเขตและลักษณะเฉพาะของกลุ่มในการฟ้องคดี คือ เป็นบุคคลที่ประกอบอาชีพประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและ/หรือประมงพื้นบ้านโดยมีภูมิลำนักอาศัยและทำมาหากินอยู่ในเขตพื้นที่อำเภออัมพวา อำเภอบางคนที และอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม และได้รับความเสียหายจากการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ

ส่วนจำนวนสินไหมทดแทนที่กลุ่มประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและกลุ่มประมงพื้นบ้านในเขตจังหวัดสมุทรสงคราม เรียกร้องเป็นเงินกว่า 2,486,450,000 บาท

นอกจากนี้นายสัญญาภัชระ สามารถ อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการนำคณะทำงานคดีปกครองของสภาทนายความ พร้อมคณะทำงานร่วมในคดีสิ่งแวดล้อม เป็นผู้รับมอบอำนาจจากตัวแทนประชาชนที่ประกอบอาชีพประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและอาชีพประมงพื้นบ้านในพื้นที่อำเภออัมพวาและอำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม 54 คน ซึ่งได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำยื่นฟ้องหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ถูกฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางรวมทั้งหมด 18 รายได้แก่ 1. กรมประมง 2. อธิบดีกรมประมง 3. คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ 4. คณะกรรมการระดับสถาบันด้านความปลอดภัยและความหลากหลายทางชีวภาพของกรมประมง 5. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 6. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 7. กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 8. อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 9. คณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 10. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 11. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 12. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 13. คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ 14. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 15. อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 16. กระทรวงมหาดไทย 17. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ 18. กระทรวงการคลัง


คดีนี้เป็นการฟ้องหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายหลายฉบับ ได้แก่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2558 พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 และพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควรซึ่งเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีทั้ง 54 คนและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายโดยขอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษาดังนี้

ข้อ 1. ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสิบแปดใช้อำนาจหรือร่วมกันใช้อำนาจตามกฎหมายที่กำหนดหน้าที่และอำนาจของผู้ถูกฟ้องคดีแต่ละคน โดยกำหนดมาตรการหรือจัดทำแผนฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพอย่างบูรณาการและยั่งยืน เพื่อควบคุม ป้องกัน แก้ไข หรือระงับยับยั้ง การขยายพันธุ์หรือการแพร่ระบาดของปลาหมอสีคางดำหรือปลาหมอคางดำ มิให้เกิดการขยายพันธุ์หรือแพร่ระบาดและเป็นภัยคุกคามต่อสัตว์น้ำ ระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยให้ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าสิบสี่และประชาชนในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดปลาหมอสีคางดำหรือปลาหมอคางดำมีส่วนร่วมในการดำเนินการ ภายในเวลาที่ศาลกำหนด

ข้อ 2. ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสิบแปดกำหนดมาตรการและดำเนินการประเมินความเสียหาย รวมทั้งดำเนินการฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความเสียหายจากการแพร่ระบาดของปลาหมอสีคางดำหรือปลาหมอคางดำทั่วประเทศให้กลับมาเป็นพื้นที่มีทรัพยากรสัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์ เกิดความสมดุลของระบบนิเวศ มีความสมบูรณ์ของความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายในเวลาที่ศาลกำหนด

ข้อ 3. ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 13 ถึงที่ 17 ร่วมกันดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 เพื่อประกาศให้พื้นที่ 19 จังหวัด ตามประกาศประกาศกรมประมงและพื้นที่จังหวัดอื่นทั่วประเทศไทยที่พบการแพร่ระบาดของปลาหมอสีคางดำหรือปลาหมอคางดำให้เป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัยและประกาศเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเพื่อดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายของผู้ฟ้องคดีทั้ง 54 คนและประชาชน ภายในเวลาที่ศาลกำหนด

ข้อ 4. ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสิบแปดกำหนดมาตรการและดำเนินการเรียกร้องให้บริษัทเอกชนรายใหญ่ซึ่งเป็นผู้นำเข้าปลาหมอคางดำ และผู้เกี่ยวข้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่รัฐตามมูลค่าความเสียหายทั้งหมดของทรัพยากรสัตว์น้ำ ความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดแล้อม ที่ถูกทำลายหรือเสียหายจากการแพร่ระบาดของปลาหมอสีคางดำหรือปลาหมอคางดำที่เกิดขึ้นจริง นับตั้งแต่มีการอนุญาตให้นำเข้าปลาหมอสีคางดำหรือปลาหมอคางดำเป็นต้นมาจนถึงวันฟ้อง และให้เรียกร้องค่าเสียหายในอนาคตเป็นรายปีนับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอสีคางดำหรือปลาหมอคางดำให้หมดไป รวมถึงให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสิบแปดเรียกร้องให้บริษัทเอกชนรายใหญ่ผู้นำเข้าปลาหมอคางดำดังกล่าวรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่รัฐเสียไปในการควบคุม กำจัด และป้องกันการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำตามจำนวนงบประมาณที่รัฐเสียไปตามความเป็นจริง

นอกจากนี้ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าสิบสี่รายยังยื่นคำขอให้ศาลปกครองกำหนดมาตรการหรือวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาคดีนี้ โดยขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสิบแปดรายใช้อำนาจหรือร่วมกันใช้อำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องดำเนินการประเมินความเสียหายเบื้องต้นจากการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในพื้นที่ ๑๙ จังหวัดตามประกาศของกรมประมงและทุกพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดเพิ่มเติม รวมทั้งให้จ่ายค่าเสียหายตามที่ประเมินเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าสิบสี่และประชาชนทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำทั่วประเทศเป็นกรณีเร่งด่วน. -512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่

ระเบิดปากีสถาน

ยอดเสียชีวิตจากเหตุระเบิดสถานีรถไฟปากีสถานเพิ่มเป็น 24 รายแล้ว

เหตุระเบิดสถานีรถไฟในเมืองเควตตา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน ตายเพิ่มเป็นอย่างน้อย 24 ราย บาดเจ็ดมากกว่า 40 ราย