แต่งตั้ง จนท.เทศบาลเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ช่วยแก้ปัญหาลิงลพบุรี

กรุงเทพฯ 24 เม.ย.-“พัชรวาท” ลงนามประกาศกระทรวง ทส. แต่งตั้งให้เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ปลดล็อกให้สนับสนุนการแก้ปัญหา “ลิงลพบุรี” ซึ่งเป็นสัตวป่าคุ้มครองที่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน กรมอุทยานแห่งชาติฯ ยืนยันจะจับย้ายทันทีที่เทศบาลเมืองลพบุรีปรับปรุงกรงแล้วเสร็จ คาดดำเนินการกลางเดือน พ.ค.นี้


พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงนามในประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ฉบับที่ 2 โดยมีใจความสำคัญในการแต่งตั้งให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบลหรือเมืองพัทยาเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 โดยมีหน้าที่และอำนาจการปฏิบัติงานด้านการแก้ไขปัญหาสัตว์ป่าคุ้มครองที่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนภายในเขตพื้นที่รับผิดชอบ โดยออกประกาศ ณ วันที่ 23 เมษายน 2567 และมีผลบังคับใช้นับจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา

“ลิงแสม” เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ห้ามจับ ห้ามล่า ดังนั้นการออกประกาศกระทรวงทส. ดังกล่าว เป็นการปลดล็อกให้เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองลพบุรีสามารถทำหน้าที่สนับสนุนแก้ปัญหา “ลิงลพบุรี” ได้อย่างเต็มที่ ทั้งการช่วยจับย้ายและการจัดหางบประมาณในการดูแลลิงในสถานอนุบาลลิงโพธิ์เก้าต้น อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี


นายเผด็จ ลายทอง ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่ากล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชประชุมซักซ้อมทำความเข้าใจกับเทศบาลเมืองลพบุรี รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกส่วนตามแผนการจับย้ายลิงลพบุรีไว้หมดแล้ว

ขณะนี้เทศบาลเมืองลพบุรีกำลังเร่งปรับปรุงกรงพักพิงที่สถานอนุบาลลิง (สวนลิง) ตำบลโพธิ์เก้าต้นให้แล้วเสร็จ ทันทีที่เทศบาลปรับปรุงกรงให้พร้อมรองรับลิง กรมอุทยานแห่งชาติฯ จะระดมเจ้าหน้าที่จับย้ายทันทีเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน

ในเฟสแรกจะมีกรงรองรับลิง 3 กรงที่สถานอนุบาลลิงโพธิ์เก้าต้นซึ่งเป็นกรงที่ก่อสร้างนานแล้ว แต่จำเป็นต้องปรับปรุงแนวเชื่อมต่อของตาข่ายเหล็กแข็งแรง โดยเทศบาลเมืองลพบุรีคาดว่า กรงที่ 3 ซึ่งอยู่ด้านในสุดจะเสร็จก่อน ประมาณกลางเดือนพฤษภาคมนี้


กรมอุทยานแห่งชาติฯ กำหนดแผนการดักจับและเคลื่อนย้ายลิงในเขตเทศบาลเมืองลพบุรีครั้งแรกโดยมีเป้าหมายจับลิง 200 – 300 ตัว ระยะเวลาดำเนินการ 4 วัน โดยเตรียมกรงขนาดใหญ่ไว้สำหรับวาง 2 จุดคือ  

– บริเวณหน้าโรงแรมเอเชีย กรงขนาด กว้าง 1.80 เมตร สูง 1.80 เมตร ยาว 12 เมตร

– บริเวณร้านเซ่งเฮง กรงขนาด กว้าง 1.80 เมตร สูง 1.80 เมตร ยาว 15 เมตร

ทั้งนี้ลิงทุกตัวที่ดักจับจะได้รับการตรวจสุขภาพและทำหมัน ก่อนจะเคลื่อนย้ายไปดูแลที่สถานอนุบาลลิงโพธิ์เก้าต้น

สำหรับลิงแสมในเมืองเก่าลพบุรีมี 2,206 ตัว หลังจากเริ่มจับลิงที่จุดแรกคือ บริเวณโรงแรมเอเชียและร้านเซ่งเฮง 200 – 300 ตัว เมื่อเทศบาลเมืองลพบุรีปรับปรุงกรงที่เหลืออีก 2 กรงแล้วเสร็จ จะจับลิงเพิ่มเติมบริเวณด้านหน้าและหลังร้านชโยวานิช 300 ตัว รวมถึงที่ตลาดมโนราห์ 237 ตัว ส่วนลิงที่เหลือ 1,400 ตัวจะดำเนินการในเฟสที่ 2 เนื่องจากต้องรอจะรอการปรับปรุงสถานที่รองรับทั้งที่ศูนย์พักพิงลิงโพธ์เก้าต้น รวมถึงอาจใช้ที่วัดพระบาทน้ำพุและสถานที่อื่นๆ ที่กำลังจัดหาเพิ่มเติม โดยเฟสที่ 2 ซึ่งคาดว่า จะทำในปี พ.ศ. 2568 โดยในเฟส 2 มีแผนจับย้ายลิงที่พระปรางค์สามยอด 1,000 ตัว ศาลพระกาฬ 300 ตัว และวินรถตู้ 100 ตัว มั่นใจว่า หากดำเนินการตามแผนที่วางไว้ในเฟสที่ 2 ปัญหาลิงลพบุรีจะจบ แล้วจะใช้เป็นต้นแบบการดำเนินการในพื้นที่อื่นที่มีปัญหาขัดแย้งระหว่างคนกับลิงต่อไป

ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้จับย้ายลิงลพบุรีมาแล้ว 37 ตัว โดยเลือกจับลิงที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือเป็นลิงหัวโจกได้ 37 ตัวซึ่งนำไปดูแลที่สวนสัตว์ลพบุรี 15 ตัว อีก 22 ตัว แล้วนำไปดูแลที่คลินิกสัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 1 หรือสบอ. 1 สาขาสระบุรี สัตวแพทย์ตรวจสุขภาพและทำหมัน หากกรงที่สถานอนุบาลลิงโพธิ์เก้าต้นเสร็จจะเคลื่อนย้ายไปดูแลที่นั่น

พื้นที่ที่มีความขัดแย้งระหว่างคนกับลิงทั่วประเทศมี 292 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 52 จังหวัด คาดว่า มีประชากรลิงที่สร้างปัญหาทั่วประเทศถึง 68,960 ตัว โดยจังหวัดที่มีสถานการณ์รุนแรงที่สุดคือ ลพบุรี

จากการสำรวจประชากรลิงในจังหวัดลพบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2561 พบ 9,324 ตัว ส่วนปี พ.ศ. 2566 พบ 5,709 ตัว เฉพาะบริเวณเขตเทศบาลเมืองลพบุรีมี 2,206 ตัว กรมอุทยานฯ ทำหมันลิงทั้งตัวผู้และตัวเมียอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบันทำหมันลิงในจังหวัดลพบุรีแล้ว 5,135 ตัว โดยเป็นลิงในเขตเทศบาลเมืองลพบุรี 2,757 ตัว

ในการจับย้ายลิง จะไม่ได้จับไปทั้งหมด แต่กรมอุทยานแห่งชาติฯ จะบูรณาการกับภาคส่วนต่างๆ ในการจัดการอย่างเหมาะสมทั้งจำนวนประชากรและความเป็นอยู่ตามหลักวิชาการ

ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่ากล่าวว่า ในวันที่ 28 เมษายน อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ จะไปอำนวยการการจับย้ายลิงที่จังหวัดเพชรบุรีครั้งที่ 2 ที่บริเวณพระนครคีรี (เขาวัง) โดยครั้งแรกจับเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566 โดยกรมอุทยานแห่งชาติฯ ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดเพชรบุรีและมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าตามโครงการแก้ไขปัญหาลิงล้นเมืองเพชรบุรีซึ่งจับลิง 204 ตัวไปดูแลที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

ตามโครงการซึ่งจัดทำเป็นต้นแบบของการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับลิงซึ่งทำที่จังหวัดเพชรบุรีนั้น มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าสนับสนุนการตกแต่งกรงอนุบาลลิง ด้วยการจัดทำของเล่นและเครื่องเล่น (Enrichment) เพื่อลดความเครียด เสริมสร้างคุณภาพชีวิต และให้ลิงแสมที่จับมาสามารถแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติได้. 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารกัมพูชาขุด “คูเลต” ลากยาว 650 เมตร

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- เปิดภาพ! “คูเลต” ทหารกัมพูชาขุดลากยาว 650 เมตร จากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบขุดคูเลต จากจุดต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว ระยะทาง 650 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา เพราะเป็นการละเมิด MOU 2543 เป็นครั้งที่ 2 แต่ทางทหารกัมพูชากับยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้นำในพื้นที่ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายทหารไทยยืนยันว่าให้ทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่อ้างสิทธิพร้อมกัน-313 .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารกัมพูชา

ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก คลี่คลายแล้ว

กองทัพบก 28 พ.ค.-ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชา ได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ […]

มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ […]

ข่าวแนะนำ

ทบ.แถลงการณ์ “กองทัพบกไทย-กัมพูชา” ยึด 4 ข้อแก้ปัญหาชายแดน

กองทัพบก 30 พ.ค.-ทบ.แถลงการณ์ “กองทัพบกไทย-กัมพูชา” ยึด 4 ข้อแก้ปัญหาพิพาทชายแดน ยันทหาร 2 ฝ่ายถอนกำลังจากจุดปะทะช่องบกแล้ว วอนประชาชนรับฟังข้อมูลสื่อหลัก ขอเชื่อมั่นทหารปกป้องอธิปไตยทุกตารางนิ้ว กองทัพบก ออกหนังสือแถลงการณ์ผลการเจรจาระหว่าง ผบ.ทบ.ไทย – ผบ.ทบ.กัมพูชา ในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ 1.ผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียกำลังพลจากเหตุการณ์ปะทะ และเน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญต่อเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ของทั้งสองประเทศ ที่ต้องการให้มีการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้ง พร้อมแสดงจุดยืนสนับสนุนการพูดคุยเจรจาด้วยสันติวิธีในการหาข้อตกลงร่วมกัน และขอยืนยันว่าจะไม่มีการรุกรานอธิปไตยหรือการหยิบยกประเด็นข้อขัดแย้งในอธิปไตยของกัมพูชาโดยเด็ดขาด การเจรจาครั้งนี้จะส่งผลดีต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ 2.กรณีข้อขัดแย้งบริเวณช่องบก กองทัพบกไทยและกัมพูชา มีความเห็นร่วมกันในการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ Joint Boundary Committee (JBC) ซึ่งเป็นกลไกในระดับรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งผลการประชุม JBC คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในอีก 2 สัปดาห์ โดยปัจจุบันกำลังทั้งสองฝ่ายที่เคยปะทะได้ตกลงที่จะเคลื่อนออกจากพื้นที่ ถือเป็นการคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นพ้องในการใช้กลไกคณะกรรมการร่วมมือรักษาความ สงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน หรือ Reqional Border Committee (RBC) เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยที่อาจค้างคา และส่งเสริมกลไก JBC ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น […]

ทบ. จ่อออกแถลงการณ์ ห้ามทหารกัมพูชาเข้าใช้พื้นที่เนิน 745

กองทัพบก 30 พ.ค.-ทบ. เตรียมออกแถลงการณ์จุดปะทะช่องบก ไม่ให้ทหารกัมพูชาเข้ามาใช้พื้นที่เนิน 745 – ต้นสัตบรรณ ถึงสามแยกลาว เล็งพูดคุยจัดชุดลาดตระเวนร่วม ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ในช่วงเช้าที่ผ่านมา พิธีไถ่ชีวิตกระบือ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพพระราชินี 3 มิ.ย. โดยในวันนี้ กองทัพบกเตรียมออกแถลงการณ์ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อย่างเป็นทางการ ภายหลังวานนี้ (29 พ.ค.) พล.อ.พนา ได้หารือกับ พลเอก เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา และคณะฝ่ายกัมพูชา ในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน กรณีเกิดเหตุปะทะช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี จนได้ข้อสรุป 3 ข้อ 1.กรณีข้อขัดแย้งบริเวณช่องบก กองทัพบกไทย และกัมพูชา มีความเห็นร่วมกันในการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ Joint Boundary Committee (JBC) ซึ่งเป็นกลไกในระดับรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งผลการประชุม JBC คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในอีก 2 สัปดาห์ 2.ปัจจุบันกำลังทั้งสองฝ่ายที่เคยปะทะได้เคลื่อนออกจากพื้นที่แล้ว คลี่คลายความตึงเครียด […]

“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ ข่าว สส.ดังนครศรีฯ ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา

กทม. 30 พ.ค.-“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ-ไม่รู้ ข่าว สส.ดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช ยืนยันไม่เป็นความจริง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว สส.ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา กลางงานบวชลูกชายของนายก อบต. ต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยคน โดยนายชัยชนะ ได้ปฏิเสธข่าวบอก ไม่รู้ ไม่ทราบข่าว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อถามว่า เป็นคนรู้จัก หรือคนใกล้ชิดหรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลย ก่อนย้ำอีกครั้งว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ตอบว่า “ครับผม” เมื่อถามว่า ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลยใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนลงพื้นที่วันละหลายงาน และเมื่อถามทิ้งท้ายว่า ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ยืนยันว่า “ไม่มี“.-315.-สำนักข่าวไทย

ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้มาตรการภาษี ‘ทรัมป์’ ยังบังคับใช้

วอชิงตัน 30 พ.ค. – ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางมีคำสั่งในวันพฤหัสบดี ให้มาตรการภาษีตอบโต้ที่ครอบคลุมมากที่สุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมามีผลบังคับใช้อีกครั้งเป็นการชั่วคราว เพียงหนึ่งวันหลังจากที่ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ ตัดสินว่านายทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขตในการเรียกเก็บภาษีเหล่านั้นและสั่งให้ระงับมาตรการภาษีดังกล่าวทันที ศาลอุทธรณ์กลางแห่งสหรัฐอเมริกา ประจำเขตวอชิงตัน ระบุว่ากำลังระงับคำตัดสินของศาลชั้นต้นไว้ชั่วคราว เพื่อพิจารณาคำอุทธรณ์ของรัฐบาล และมีคำสั่งให้ฝ่ายโจทก์ที่ยื่นฟ้องหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาษีในคดีนี้ยื่นเอกสารตอบกลับภายในวันที่ 5 มิถุนายน และให้ฝ่ายรัฐบาล ซึ่งเป็นฝ่ายที่ถูกฟ้องร้องหรือเป็นผู้กำหนดภาษี ให้ส่งเอกสารตอบกลับภายในวันที่ 9 มิถุนายน นายทรัมป์เขียนแถลงการณ์ที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ว่า เขาหวังว่าศาลฎีกาของสหรัฐจะ ‘กลับคำตัดสินอันเลวร้ายที่คุกคามประเทศ’ ของศาลการค้าระหว่างประเทศ พร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายตุลาการของรัฐบาลว่า ‘เป็นปฏิปักษ์ต่ออเมริกา’ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา คณะผู้พิพากษา 3 คนของศาลการค้าระหว่างประเทศ ตัดสินว่ารัฐธรรมนูญให้อำนาจแก่รัฐสภา ไม่ใช่ประธานาธิบดี ในการเรียกเก็บภาษีและอากรศุลกากร และประธานาธิบดีได้ใช้อำนาจเกินขอบเขตโดยการอ้างใช้กฎหมายว่าด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ (International Emergency Economic Powers Act) ซึ่งเป็นกฎหมายที่มุ่งหมายเพื่อรับมือกับภัยคุกคามในสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ.-813.-สำนักข่าวไทย