คพ. เผยไฟไหม้โรงงานบ้านค่าย พบไอระเหยสารเคมี-เหม็นไหม้

ระยอง 23 เม.ย.- อธิบดีกรมควบคุมมลพิษระบุ เจ้าหน้าที่ตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณโดยรอบสถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บกากของเสียอันตรายและสารเคมีอันตราย พบไอระเหยสารเคมีเล็กน้อยทิศเหนือของโรงงาน และยังมีกลิ่นเหม็นไหม้ แต่คุณภาพอากาศยังไม่อยู่ในเกณฑ์ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ โดยจะยังคงติดตามตรวจสอบอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะเป็นปกติ


กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานการตรวจสอบคุณภาพอากาศบริเวณสถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บกากของเสียอันตรายและสารเคมีอันตรายของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด ตำบลบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง โดยวานนี้คพ. ได้ตรวจสอบคุณภาพอากาศโดยรอบบริเวณพื้นที่โรงงานและชุมชนโดยรอบโดยเฉพาะบริเวณท้ายลม ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศเหนือของพื้นที่โรงงานตั้งแต่ ระยะ 300 เมตร จนถึงประมาณ 10 กิโลเมตร ตั้งแต่เวลาประมาณ 10.30 – 20.20 น. พบว่า คุณภาพอากาศยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ โดยตรวจพบไอระเหยสารเคมีเล็กน้อย บริเวณห่างจากโรงงานไปทางด้านทิศเหนือประมาณ 4 กิโลเมตรและได้รับกลิ่นเหม็นไหม้บริเวณด้านท้ายลม ซึ่งคพ. แจ้งผลการตรวจสอบให้หน่วยงานท้องถิ่นได้แก่ อบต. บางบุตร และพื้นที่ข้างเคียงได้รับทราบและให้ประกาศแจ้งให้ประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์จนกว่าเหตุการณ์จะยุติ

เหตุดังกล่าวมีนายกัฬชัย เทพวรชัย รองผู้ว่าราชการเป็นผู้บัญชาการเหตุฉุกเฉิน โดยได้มีการอพยพประชาชนในพื้นที่หมู่ 4 8 และ 11 ในพื้นที่ตำบลบางบุตรและหมู่ 11 ในพื้นที่ตำบลหนองบัวซึ่งอยู่ด้านท้ายลมมายังศูนย์อพยพชั่วคราวบริเวณวัดหนองพะวา ต่อมาพิจารณาหาศูนย์อพยพใหม่ที่เหมาะสมเนื่องจากช่วงกลางคืนลมเปลี่ยนทิศทางมายังทิศตะวันตกเฉียงใต้ โดยจุดอพยพที่เหมาะสมใหม่เป็นบริเวณด้านเหนือลม เบื้องต้นพบมีผู้มีอาการวิงเวียน บาดเจ็บเล็กน้อย 5 คน


ในเวลา 20.00 น. คืนที่ผ่านมา เพลิงยังคงลุกไหม้ แต่สามารถควบคุมเพลิงได้ในวงจำกัด โดยเจ้าหน้าที่ไล่ดับเพลิงที่คุอยู่ในกองกากของเสียอุตสาหกรรมให้ดับสนิท โดยมีหน่วยงานที่ร่วมสนับสนุน ประกอบด้วย อำเภอบ้านค่าย อบต. บางบุตร อบต. หนองละลอก อบต. หนองบัว อบต. มาบยางพร เทศบาลตำบลชากบก เทศบาลตำบลบ้านค่าย เทศบาลตำบลบ้านค่ายพัฒนา อบต. หนองบัว เทศบาลนครระยอง บริษัท NPC บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) และมูลนิธิสว่างพรกุศลจังหวัดระยองซึ่งนำรถดับเพลิงโฟม รถบรรทุกน้ำ และรถกู้ชีพกู้ภัยหลายคัน และเจ้าหน้าที่กว่า 50 คนเข้าทำการระงับเหตุ

สำหรับเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บกากของเสียอุตสาหกรรมและสารเคมีอันตรายของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด เกิดขึ้นเวลา ประมาณ 09.00 น. วานนี้ (วันที่ 22 เมษายน 2567) โดยโกดังเก็บกากของเสียอุตสาหกรรมและสารเคมีอันตรายมี 5 อาคารซึ่งจุดเกิดเหตุเป็นโกดังเก็บกากของเสียอุตสาหกรรม อาคาร 5 ซึ่งมีพื้นที่มากที่สุด อยู่ติดกับสวนของประชาชน (ลุงเทียบ)

สำหรับอาคาร 1 จัดเก็บน้ำเสียปนเปื้อนและตะกอนปนเปื้อน อาคาร 2 บ่อตะกอนน้ำมัน อาคาร 3 เศษวัสดุ ยางรถยนต์ พลาสติก แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น อาคาร 4 เก็บถัง IBC 1000 ลิตร และถัง 200 ลิตร และอาคาร 5 ส่วนหน้าอาคาร เศษวัสดุ ถัง IBC 1000 ลิตร เศษพลาสติก กองยิปซัม เถ้าลอย เป็นต้น ส่วนกลางอาคาร ถัง 200 ลิตร และขยะทั่วไป ส่วนหลังอาคาร บ่อของเสีย และพื้นที่ระหว่างอาคาร 3 กับอาคาร 5 มีการจัดเก็บน้ำเสียปนเปื้อน น้ำกรด และกากตะกอน จำนวนมาก ปัจจุบันถูกเพลิงไหม้ทั้งหมด


คพ. ให้คำแนะนำการป้องกันตนเองของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานดังนี้
1) เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินสารเคมีและเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ในพื้นที่จุดเกิดเหตุและพื้นที่อันตราย (Hot zone) ให้สวมใส่ชุดป้องกันอันตรายส่วนบุคคลระดับสูงสุดในระดับ A หรือระดับ B ขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณสารเคมี โดยป้องกันระบบทางเดินหายใจ ดวงตาและผิวหนังทุกส่วนของผู้ปฏิบัติงาน
2) เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ปนเปื้อนสารเคมี และบริเวณควบคุมและขจัดสารเคมีที่มีความเสี่ยงระดับกลาง – ต่ำ (Warm Zone) ให้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลในระดับการปกป้องที่น้อยกว่าพื้นที่จุดเกิดเหตุและอันตราย เช่น ชุดป้องกันส่วนบุคคลระดับ C
3) เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ไม่มีสารเคมีปนเปื้อน และเป็นที่ตั้งของศนย์บัญชาการในพื้นที่เกิดเหตุ (Support Zone) ให้สวมใส่ชุดป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่ไม่มีความเสี่ยง และคล่องตัวในการปฏิบัติงานเช่น ชุดป้องกันส่วนบุคคลระดับ D

ส่วนประชาชนที่ได้รับผลกระทบอพยพออกจากพื้นที่ไปอยู่ในบริเวณทิศทางเหนือลมหรือพื้นที่ศูนย์อพยพที่หน่วยงานราชการกำหนด ในกรณีที่ไม่จำเป็นต้องอพยพให้ปฏิบัติตามแนวทางที่หน่วยงานราชการกำหนด

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ คพ. จะติดตามตรวจสอบและเฝ้าระวังเพื่อรายงานผลอย่างต่อเนื่องจนกว่าเหตุการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ. 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

คุมได้แล้ว! เพลิงไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร

สมุทรสาคร 7 ก.ค. – คุมได้แล้ว! ไฟไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร พบต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมัน หวั่นอาคารพังถล่ม หลังโหมไหม้รุนแรง ภาพจากมุมสูงจะเห็นอาคารที่เกิดเหตุมีขนาดใหญ่เนื้อที่ราวๆ 3-4 ไร่ ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ของบริษัทประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยาง เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถน้ำของ อบต.บ้านเกาะ และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 20 คัน ฉีดน้ำสกัดเพลิงที่โหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ควันสีดำพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า มีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ จุดต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมันที่ใช้ในกระบวนการผลิตภายในโรงงาน เนื่องจากมีเชื้อเพลิงไวไฟ ประกอบกับภายในมีสินค้าประเภทยางที่ผลิตแล้วเป็นจำนวนมาก ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วจนอาคารเริ่มทรุดตัว มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน เป็นเจ้าหน้าที่ของโรงงาน 1 คน และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 1 คน เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ไฟยังดับไม่สนิท เนื่องจากภายในมีทั้งเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิต วัตถุดิบไวไฟ และสินค้ายางยืดที่ผลิตเสร็จแล้วจำนวนมาก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จึงต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไปเรื่อยๆ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงนำอุปกรณ์เข้าไปดับไฟด้านใน ทั้งนี้ ต้องเฝ้าระวังความปลอดภัยจากตัวอาคารที่อาจพังถล่มลงมาได้ เนื่องจากถูกไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงจนเสียหายเกือบทั้งหมด คนงานเล่าว่าเพลิงลุกที่ท่อส่งน้ำมันที่ส่งไปยังเครื่องจักร ซึ่งใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าประเภทยาง แต่ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร […]

หนุ่มวัย 24 สารภาพผลักลูกเลี้ยงหัวฟาดพื้นดับ คุมทำแผนฯ

นนทบุรี 7 ก.ค. – ตำรวจคุมตัวพ่อเลี้ยงโหด ผลักลูกเลี้ยงวัย 2 ขวบ ล้มศีรษะฟาดพื้นเสียชีวิต ทำแผนฯ หลังเค้นสอบกว่า 6 ชั่วโมง จนยอมรับ อ้างโมโหเด็กส่งเสียงดังรบกวน ตำรวจ สภ.บางบัวทอง คุมตัวนายธนวัฒน์ อายุ 24 ปี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพทำร้ายร่างกาย “น้องขงเบ้ง” อายุ 2 ขวบ 5 เดือน ลูกเลี้ยง จนเสียชีวิตภายในบ้านพัก ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมให้การว่า เด็กส่งเสียงดังรบกวนจึงเกิดความโมโหผลักจนล้ม ทำให้บริเวณท้ายทอยกระแทกกับพื้น กระทั่งแน่นิ่งไป เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 18.00-20.00 น. เมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) ส่วนบาดแผลรอยจ้ำตามร่างกายและบาดแผลอื่นๆ นายธนวัฒน์ยังไม่รับสารภาพ ต้องรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ประกอบอีกครั้ง แม่ของเด็ก อายุ 25 ปี เล่าว่า ตนออกไปทำงานทุกวัน เวลา 4 โมงเย็น […]

“บิ๊กเต่า” เผย “สีกา ก.” ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ เลือกเหยื่อรวย-เข้าถึงง่าย

7 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เรียกประชุมแบ่งภารกิจให้กองใต้สังกัด สืบสวนสอบสวนหาข้อมูลเพิ่ม เผยคืบหน้ากรณี “ทิดอาชว์” และนางสาว ก. เจ้าตัวยอมรับเลือกแต่คนรวย-เข้าถึงง่าย อ้างสำนึกผิด ยอมร่วมมือกับตำรวจ พร้อมจี้สำนักพุทธฯ ทำงานให้มากกว่านี้ เพื่อเรียกศรัทธาวงการสงฆ์กลับมา ความคืบหน้าในประเด็น อดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือ ทิดอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ เจ้าคณะภาค 14-15 สายธรรมยุต มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนางสาว ก. จนถูกแบล็กเมล์รีดไถ่เงิน 7.3 ล้านบาท ล่าสุดวันนี้ เวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ได้เรียกคณะทำงานเข้าประชุมวางแผนการทำงานในกรณีของทิดอาชว์และนางสาว ก. ซึ่งใช้เวลาประมาณกว่า 3 ชั่วโมง โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้ออกมาเผยความคืบหน้าว่า วันนี้เป็นการเรียกประชุมกองงานต่าง ๆ เพื่อแบ่งสายงานมอบหมายภารกิจให้แต่ละกองไปสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลมาเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ทำการสอบสวนนางสาว ก. และได้ข้อมูลมามากพอสมควร […]

Cambodia strongly rejects Thailand’s baseless claim over Ta Krabei Temple

กัมพูชาโต้ไทยอ้างปราสาทตาควายอยู่ในไทย

พนมเปญ 7 ก.ค.- กัมพูชาคัดค้านอย่างหนักว่า ไทยอ้างโดยไร้มูลว่า ปราสาทตาควายอยู่ในดินแดนไทย และตำหนิไทยว่าห้ามชาวกัมพูชาคล้องผ้าขาวม้าขึ้นปราสาทตาควาย เว็บไซตขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า กระทรวงกลาโหมแห่งชาติของกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์แสดงความคัดค้านอย่างหนักต่อการกล่าวอ้างอย่างไร้มูลและโอหังของสื่อไทย เจ้าหน้าที่ทหารไทย และพลเรือนชาวไทยบางกลุ่มที่ว่า ปราสาทตาควายตั้งอยู่ในดินแดนอธิปไตยของไทย แถลงการณ์ของกัมพูชาระบุว่า การกล่างอ้างดังกล่าวเป็นการบิดเบือนความจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะไทยอ้างแผนที่ฝ่ายเดียวที่ไม่มีคุณค่าทางกฎหมายตามหลักการกฎหมายสากล กัมพูชายืนยันว่า ในทางภูมิศาสตร์แล้วปราสาทตาควายตั้งอยู่ในเทือกเขาดงรัก อำเภอบันเตียอัมปึล จังหวัดอุดรเมียนเจยหรืออุดรมีชัย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในดินแดนและอธิปไตยของกัมพูชา โดยเป็นไปตามกฎหมายที่ได้รับการรับรองจากสากล แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชายังระบุว่า ทหารไทยห้ามนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาคล้องผ้ากรอมาหรือผ้าขาวม้าติดธงชาติกัมพูชาขึ้นปราสาทตาควาย แต่กลับอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวไทยสวมเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับติดธงชาติไทย ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงทวิภาคีที่เคยตกลงกันไว้.-814.-สำนักข่าวไทย