ความสุขกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน

21 มี.ค. – ปัญหาโลกร้อนเป็นปัญหาใหญ่ที่เราสัมผัสได้มากขึ้นในทุกวันนี้ จากการที่อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้นในทุกๆ ปี ดังที่เลขาธิการองค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็น ได้กล่าวไว้เมื่อกลางปี 2566 ว่า เราหมดยุคโลกร้อน (Global Warming) และกำลังเข้าสู่ยุคโลกเดือด (Global Boiling) ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศแบบสุดขั้วนี้ มีผลต่อความสุขและความอยู่ดีมีสุขของมนุษย์อย่างมาก



ในขณะที่โลกของเรากำลังเผชิญปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างหนักมากขึ้นในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไปจนถึงการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ มีหลายการศึกษาที่แสดงความสัมพันธ์ของสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีหรือมีมลพิษต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกายของมนุษย์ที่แย่ลง อีกนัยหนึ่ง สิ่งแวดล้อมที่ดีและการพัฒนาที่ยั่งยืนมีผลดีต่อความสุขและความอยู่ดีมีสุข

จาก World Happiness Report ในปี 2563 มีการศึกษาถึงความสัมพันธ์ของระดับการพัฒนาที่ยั่งยืนและความสุขโดยรวม (จากการประเมินตนเอง สำรวจโดย Gallup World Poll) ซึ่งพบว่ามีความสัมพันธ์กัน ประเทศที่มีระดับความสุขสูงกว่าจะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals- SDGs) โดยทั่วไปได้เร็วกว่าประเทศที่มีระดับความสุขต่ำ (ถึงแม้ว่าบางเป้าหมายของ SDGs ไม่ได้มีสัมพันธ์กับระดับความสุขในทางบวกก็ตาม) โดยภาพรวมระดับความสุขของประเทศและระดับของการพัฒนาอย่างยั่งยืนมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกัน ซึ่งประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวียมีความสัมพันธ์ของความสุขกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับสูง


อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าหลายการศึกษาสะท้อนว่าสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนมีผลต่อความสุข ความสุขไม่ได้เป็นผลของจากการพัฒนาที่ยั่งยืนเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่จะส่งผลที่ทำให้การพัฒนาอย่างยืนสำเร็จได้ด้วย จากแนวคิดการพัฒนาความสุขภายในของมนุษย์ให้สูงขึ้นในระดับจิตและปัญญาตามแนวพุทธธรรม ความสุขประเภทนี้จะลดการพึ่งพิงปัจจัยจากภายนอกรวมทั้งการใช้ทรัพยากรลง อันเป็นความสุขที่ยั่งยืนกว่าความสุขจากปัจจัยภายนอกที่ไม่ยั่งยืน และความสุขที่ยั่งยืนนี้จะทำให้การพัฒนาอย่างยั่งยืนสัมฤทธิ์ผลได้ ดังแนวคิดของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตโต) ที่ได้เคยเขียนไว้ในหนังสือการพัฒนาที่ยั่งยืน (2549)

ดังนั้น ในขณะที่นานาประเทศมุ่งไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนตามวาระการพัฒนาของโลก การให้ความสำคัญกับเรื่องของความสุขของประชาชนก็สามารถนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนได้เช่นกัน จึงถึงเวลาแล้วที่ประทศไทยจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่เน้นในเรื่องของความสุขของประชาชน ความสุขที่มาจากความสมดุลของปัจจัยภายในและภายนอกเป็นองค์รวม ทั้งกาย จิต สิ่งแวดล้อม สังคม ซึ่งจะสอดคล้องกับเศรษฐศาสตร์ทางสายกลางที่มีการบริโภคและผลิตอย่างพอประมาณและรับผิดชอบ สร้างจิตสำนึกในการลดการใช้ทรัพยากรของโลกและลดมลพิษ อันเป็นสาเหตุของปัญหาโลกร้อนและโลกเดือดที่เราต้องเผชิญอยู่ในทุกวันนี้

ถึงแม้ว่าองค์กรระหว่างประเทศ ภาครัฐและเอกชนได้มีการเร่งใช้มาตรการต่างๆเพื่อเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ตามข้อตกลงของพันธะสัญญาระหว่างประเทศ แต่ในภาพรวมดูเหมือนว่ายังไม่สัมฤทธิ์ผลนัก จากข้อมูลของ Climate Watch Data ซึ่งได้รายงานเมื่อมีนาคม 2565 ได้สรุปข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลกและมีสัดส่วน 0.88% ของทั้งโลก และเป็นลำดับที่ 2 ของอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย ทั้งนี้ การตั้งเป้าหมายในการเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของไทย (ในปี 2593)และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ( ในปี 2608) ก็ล่าช้ากว่าเป้าหมายของโลกไป 20ปี และ15 ปี ซึ่งก็จะมีผลเสียต่อการปรับตัวทางเศรษฐกิจไปสู่ทิศทางของความยั่งยืนที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากนานาชาติทั้งในการค้าระหว่างประเทศ การลงทุน และความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ อันจะส่งผลต่อความสุขของประชาชน จึงควรให้ความสำคัญกับเรื่องของสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างจริงจังและเร่งด่วน


ดังนั้น เนื่องในวันความสุขสากล 20 มีนาคม 2567 นี้ ทุกภาคส่วนจึงควรตระหนักในปัญหาและเร่งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง การอนุรักษ์และการใช้ทรัพยากรอย่างมีความรับผิดชอบ ไม่เพียงแต่ทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น แต่มีส่วนสำคัญที่ทำให้ความสุขของมนุษย์มากขึ้นด้วย จึงควรส่งเสริมให้มีการใช้นวัตกรรมและเครื่องมือทางนโยบายใหม่ๆเพื่อขยายความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น สร้างจิตสำนึกในการลดการใช้และรักษาทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งพัฒนาความสุขภายในของมนุษย์ให้มากขึ้น อันจะส่งผลดีต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนยิ่งขึ้นไป. -115 สำนักข่าวไทย

รศ.ดร. เสาวลักษม์ กิตติประภัสร์
เครือข่ายงานวิจัยนานาชาติเพื่อสังคมอยู่เย็นเป็นสุข (ไอร่าห์)
International Research Associate for Happy Societies (IRAH)

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากทุกตำแหน่ง

15 พ.ค.- เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากหน้าที่ทุกตำแหน่ง เหตุถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามในหนังสือ คำสั่งถอดถอนพระสังมาธิการ พระธรรมวชิรานุวัตร พักจากตำแหน่งหน้าที่ทุกตำแหน่ง ทั้งเจ้าคณะภาค 14 และ เจ้าอาวาสวัดไร่ชิงพระอารามหลวง หลังจากทราบเรื่องว่าถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา จึงได้อาศัยอำนาจตามความในข้อ 56 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2553) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังมาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคุณะสูงณ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเดิมโดยพระราชบัญญัติคณะสงน์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ให้เหตุผลว่า ถ้าจะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่างการสอบสวนจะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมสึก คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

15 พ.ค.- เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมลาสิกขาด้วยตัวเอง หลังถูกเค้นสอบนานกว่า 8 ชม. เบื้องต้นยอมให้การแล้ว คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ช่วงหนึ่งของการสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อุ้มพระพุทธรูป ปางสมาธิองค์สีดำ ถือเข้าไปไปยังห้องสอบสวนที่สอบปากคำพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม เจ้าคณะภาค 14 สังเกตพบว่ามีการนำพระพุทธรูปวางไว้บนโต๊ะบริเวณด้านหน้าของ พระธรรมวชิรานุวัตร โดยมีรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า พระธรรมวชิรานุวัตร ยอมทำพิธีลาสิกขาบทด้วยตัวเอง แต่ยังไม่เริ่มพิธีเนื่องจากรอชุดเสื้อผ้าเปลี่ยนหลังทำพิธีลาสิกขาบทแล้วเสร็จ ส่วนการสอบปากคำ เบื้องต้นทางพระธรรมวชิรานุวัตร ยอมให้การกับพนักงานสอบสวนแล้ว และให้การไปในทิศทางที่ดี ซึ่งปรากฏว่าทางพระธรรมวชิรานุวัตร ได้โอนเงินไปให้กับผู้ต้องหาที่ 2 เป็นจำนวนเงินหลักร้อยล้านบาท ในช่วงปี 2564 ซึ่งข้อมูลนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบปากคำหาข้อเท็จจริง ว่ามีการทำธุรกรรมด้วยสาเหตุใด แต่พบบางส่วนเข้าไปพัวพันกับเว็บการพนัน .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ผนังโรงงานถล่มทับรถยนต์เสียหาย 7 คัน-เจ็บเล็กน้อย 1 คน

ชลบุรี 16 พ.ค. – ผนังอาคารโรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ อ.พานทอง จ.ชลบุรี ถล่มทับรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านข้างเสียหายรวม 7 คัน และพนักงานบาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน ผนังอาคารพังถล่มที่บริษัทแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ อ.พานทอง จ.ชลบุรี โดยส่วนที่พังเป็นฝาผนังที่ต่อเติมยื่นออกมาของอาคารชั้น 2 ถล่มลงมาทับรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านข้าง เสียหายรวม 7 คัน เบื้องต้นมีพนักงานบริษัทเป็นหญิงได้รับบาดเจ็บ 1 คน บริษัทนำส่งโรงพยาบาล สอบถามพนักงานบริษัทเล่าว่า ได้ยินเสียงตึ้มเลยพากันวิ่งออกมา ตอนแรกนึกว่าเสียงฟ้า โดยตรงนั้นเป็นอาคารฝ่ายบุคคล จะไม่มีคนไปนอน ด้านผู้กำกับการ สภ.พานทอง เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย วิศวกรบริษัทเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว และบริษัททำประกันภัยไว้ คงไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งต้องประเมินความเสียหายทั้งอาคารและรถยนต์ที่เสียหาย เพื่อชดใช้ตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

นายกฯ ร่วมพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน

เวียดนาม 16 พ.ค.-นายกฯ ร่วมพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน รวมทั้งสุสานโฮจิมินห์ เน้นย้ำไทยให้ความสำคัญประวัติศาสตร์และมิตรภาพกับเวียดนาม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานสำคัญที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของนักปฏิวัติผู้เสียสละชีวิต เมื่อปี ค.ศ. 1940 ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของขบวนการต่อสู้ของเวียดนามภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ โดยตั้งอยู่บนถนนบั๊กเซิน (Bạch Sơn Street) ในพื้นที่ใกล้กับจัตุรัสบาดิ่งห์ โดยออกแบบในสไตล์ศิลปะสังคมนิยม ที่ประกอบด้วยกลุ่มรูปปั้นนักรบปฏิวัติ แสดงถึงความกล้าหาญและความสามัคคีของนักต่อสู้เพื่อเอกราชของเวียดนาม หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางต่อไปยังสุสานโฮจิมินห์ ตั้งอยู่ที่จัตุรัสบาดิ่งห์ สถานที่ซึ่งอดีตผู้นำโฮจิมินห์เคยอ่านคำประกาศเอกราชของเวียดนามในปี ค.ศ.1945 ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมทรงอนุสรณ์สถาน โดยใช้หินอ่อนและหินแกรนิตคุณภาพสูง ผสมผสานระหว่างศิลปะสังคมนิยม กับเอกลักษณ์เวียดนาม โดยโฮจิมินห์เป็นบุคคลสำคัญของเวียดนาม ผู้ได้รับการยกย่องในฐานะ “บิดาแห่งชาติ” ที่นำพาประเทศสู่การประกาศเอกราช และเป็นผู้ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ทั้งนี้ การเข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ สถานที่สำคัญของเวียดนามครั้งนี้ แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและเวียดนาม ตลอดจนการให้ความสำคัญต่อประวัติศาสตร์และการเมืองของประเทศพันธมิตรที่สำคัญของไทยอย่างเวียดนาม จากนั้น เวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะจะเข้าร่วมประชุมหารือทวิภาคีกลุ่มเล็ก กับนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ณ ทำเนียบรัฐบาล.-314.-สำนักข่าวไทย

“เปรมชัย” นั่งวีลแชร์ เข้ามอบตัว กรณีตึกกำลังสร้าง สตง. ถล่ม

กทม. 16 พ.ค.-“เปรมชัย” ผู้บริหารบริษัทอิตาเลียนไทย นั่งวีลแชร์ เข้ามอบตัวพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ กรณีตึกกำลังสร้าง สตง. ถล่ม ด้านวิศวกร ผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง ทยอยเข้ามอบตัวเช่นกัน เวลา 08.00 น. นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประมูลโครงการก่อสร้างหลัก อาคาร สตง.แห่งใหม่ ซึ่งพังถล่มเมื่อวันที่ 28 มีนาคม จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ฐาน “เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้นๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 227 , 238 นายเปรมชัย นั่งวีลแชร์ มีพยาบาลส่วนตัวประกบ เดินทางมาที่ สน.บางซื่อ พร้อมทนายความและญาติ เพื่อเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้บริหารบริษัทกิจการร่วมค้า รวมถึงกลุ่มวิศวกร อีก 13 […]