ปราจีนบุรี 10 ธ.ค. – กรมอุทยานฯ สั่งตรึงกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและผลักดันช้างป่าที่ ต.วังท่าช้าง และ ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งมีช้างโขลงใหญ่ราว 150 ตัว ออกมากินอ้อยที่ปลูกไว้ ขณะนี้ช้างถูกผลักดันเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไนไปแล้ว แต่อาจวนกลับมากินอ้อยอีก จึงต้องช่วยเหลือจนกว่าเกษตรกรจะตัดผลผลิต
นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (สบอ.2) (ศรีราชา) กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของ สบอ.2 จำนวน 100 นาย ไปร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน บริเวณจุดเสี่ยงที่คาดว่า ช้างอาจออกจากป่าเข้ามายังพื้นที่เกษตร ตามข้อสั่งการของนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ก่อนหน้านี้มีช้างประมาณ 150 ตัว ออกมาทำลายพืชผลทางการเกษตรของประชาชน ในท้องที่ตำบลวังท่าช้าง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี โดยรักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานฯ ได้ลงมาติดตามสถานการณ์และสั่งการให้สนธิกำลังจาก สบอ.1 (ปราจีนบุรี) และ สบอ.2 (ศรีราชา) ร่วมกับเครือข่ายอาสาสมัครเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า รวม 250 คน ร่วมกันโอบล้อมโขลงช้างและผลักดันช้างกลับเข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไนเป็นผลสำเร็จ
นายก้องเกียรติ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ช้างอาจพยายามออกจากป่าอีกครั้ง เนื่องจากพื้นที่ ต.วังท่าช้าง และ ต.เขาไม้แก้ว มีไร่อ้อยจำนวนมาก โดยชาวบ้านจะเริ่มตัดอ้อย ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม เป็นต้นไป ดังนั้น ระหว่างนี้จะตรึงกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อเฝ้าระวังช้างไว้ก่อน โดยคาดว่า เมื่อเกษตรกรเริ่มตัดอ้อย จะมีเครื่องจักรเครื่องมือเข้ามาในพื้นที่ เสียงของเครื่องจักรกลจะทำให้ช้างไม่กล้าเข้าใกล้ โดยระหว่างนี้มอบหมายให้นายพิทักษ์ อินทศร ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า และนายมั่นคง ศิริโชติ ผู้อำนวยการส่วนประสานความร่วมมือด้านทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติงาน
นายก้องเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ให้ช่วยเหลือและปกป้องพืชผลอาสิน รวมถึงชีวิตของประชาชน ให้ปลอดภัยจากช้างป่าอย่างสุดความสามารถ ตามนโยบายของรักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช.-512-สำนักข่าวไทย