ปราจีนบุรี 9 ธ.ค. – นายก อบต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ขอให้กรมอุทยานฯ ซ่อมแซมรั้วกั้นช้างที่ชำรุด เพื่อใช้ป้องกันช้างออกจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน มาทำลายพืชผลของชาวบ้าน ทั้งยังอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ส่วนช้างโขลงใหญ่รวมกว่า 200 ตัวที่ตั้งวอร์รูม ระดมเจ้าหน้าที่ผลักดันเข้าใกล้ชายป่าแล้ว แต่ยังมีบางส่วนแตกโขลง วนกลับมาในพื้นที่ พร้อมขอให้ปรับเพิ่มมาตรการเยียวยาความเสียหาย
นายประยูร สมโภชน์ นายก อบต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี กล่าวถึงการผลักดันช้างโขลงใหญ่ที่ออกจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน จังหวัดฉะเชิงเทรา มาทำลายพืชผลของชาวบ้านใน ต.เขาไม้แก้ว และรอยต่อ ต.วังท่าช้าง รวมกว่า 200 ตัว โดยกรมอุทยานฯ ได้ตั้งศูนย์บัญชาการระดับพื้นที่ เพื่ออำนวยการแก้ไขปัญหาและกำหนดมาตรการในการผลักดันช้างป่า ตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคมนั้น
ขณะนี้ได้รับรายงานจากป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของ อบต.เขาไม้แก้ว ว่า เจ้าหน้าที่ผลักดันช้างเข้าไปใกล้ชายป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน แต่ยังคงมีช้างแตกโขลง วนกลับเข้ามาในพื้นที่ กลุ่มละ 5-10 ตัว ซึ่งทำให้ชาวบ้านกังวลว่าจะทำลายผลผลิต หรือเกิดอันตรายต่อชีวิตได้
ที่สำคัญคือ เป็นห่วงว่า ช้างที่ผลักดันกลับเข้าป่าแล้ว จะออกมารบกวนใหม่ เนื่องจากรั้วกั้นช้างชำรุดหลายจุด โดยกรมอุทยานฯ ไม่ได้ซ่อมแซม
นอกจากนี้ ยังต้องการให้กรมอุทยานฯ ปรับปรุงมาตรการช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่า จากปัจจุบันใช้ระเบียบเดียวกับกรณีพิบัติภัย โดยได้รับไร่ละประมาณ 1,000 กว่าบาท ซึ่งไม่ทัดเทียมกับความเสียหายที่เกิดขึ้น
สำหรับ ต.เขาไม้แก้ว มีช้างป่าออกมาหากินในพื้นที่อยู่บ่อยครั้ง โดยเมื่อเดือนมีนาคม 2565 มีช้างป่าซึ่งเรียกกันว่า สีดอโหนก ออกมาหากินบริเวณไร่อ้อยและไร่ยูคาลิปตัส แล้วทำร้ายคนจนเสียชีวิต ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว ไม่กล้าออกไปทำการเกษตร จนกระทั่งนายก อบต. ทำหนังสือถึงกรมอุทยานฯ ให้ระดมเจ้าหน้าที่มาจับสีดอโหนก กลับสู่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน กระทั่งปัจจุบันจำนวนช้างที่ออกจากป่ามารบกวนประชาชนเพิ่มจำนวนขึ้นมาก. – 512 – สำนักข่าวไทย