กรมอุทยานฯ​ วางมาตรการ​เข้มป้องกัน​ช้างออกหากินนอกป่า​

ชลบุรี​ 30​ ก.ย.-ผอ. สบอ. 2 (ศรีราชา) ประชุมด่วน​ กำชับ​ชุดเคลื่อนที่เร็วเฝ้าระวังผลักดันช้างทั้ง​ 15​ ชุดในกลุ่ม​ป่าตะวันออก​ เตรียม​รับมือปัญหา​ช้าง​ออกนอกป่า​มารบกวน​ประชาชน​ ย้ำให้​ผลักดันกลับเข้า​ป่าทันที​ เพื่อ​ไม่ให้​ช้างทำลายพืชผลทางการเกษตร

นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) (สบอ. 2) กล่าว​ว่า​ ได้เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องซึ่งมีหน้าที่แก้ไขปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้แก่ นายพิทักษ์ อินทศร ผู้อำนวยการ​ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า​ นายมั่นคง​ ศิริโชติ ผู้อำนวยการ​ส่วนประสานความร่วมมือด้านป่าไม้และสัตว์ป่า และคณะกรรมการแก้ไขปัญหาช้างป่าของ สำนักบริหารพื่นที่อรุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) ตลอดจนหัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็วผลักดันช้างทั้ง 15 ชุด เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือแก้ไขปัญหาช้างป่าออกรบกวนประชาชนในภาคตะวันออก ตามนโยบายของนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ​สัตว์ป่า​ และพันธุ์พืช


นายก้องเกียรติ​กล่าว​ว่า​ ปัจจุบันเป็นช่วงปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาว​ ช้างป่าจะเริ่มตกมัน​แล้วจะพยายามเข้าฝูงเพื่อหาคู่ผสมพันธุ์ เมื่อตกมันจะหงุดหงิดง่าย​ หากกินไม่อิ่มหรือมีการต่อสู้กันเพื่อแย่งช้างเพศเมีย​ ช้างบางตัวอาจไม่​สามารถ​เข้า​ฝูงได้​เมื่อไปพบผู้คนอาจจะตรงเข้าทำร้ายได้​ จนทำให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเหมือนในปีที่ผ่านๆ มา จึงขอให้ประชาชนโปรดระมัดระวัง

เมื่อคืน​ที่​ผ่าน​มา​ (วันที่ 29 กันยายน 2566)​ ชุดเคลื่อนที่เร็วผลักดันช้าง สังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 2 (ศรีราชา) ออกปฏิบัติงาน ได้พบช้างออกมาหากิน นอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์หลายจุด ดังนี้


1.นายเอกชัย แสนดี หัวหน้า​ชุดเคลื่อนที่เร็วและผลักดันช้างป่าชุดที่ 9 รายงานว่า เวลา 03.30 น.​ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพ้นธุ์สัตว์เขาสอยดาว ร่วมกับเครือข่ายอาสาสมัครเฝ้าระวังช้างป่าบ้านพังงอน ชุดหมาไนทีม ได้รับแจ้งจากเรือโท วิโรจน์ อัฒมานนท์ บ้านอยู่พังงอน ซอย 7 ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี พิกัด 48 P 206758E 1434875N ว่า มีช้างป่าเข้ามาหากินในพื้นที่บริเวณบ้าน จำนวน 1 ตัว จึงได้นำกำลังเข้าไปตรวจสอบ พบร่องรอยของช้างกำล้งรื้อค้นหาของกินภายในบริเวณบ้านและรอบๆ​ บ้าน และได้เหยียบถังฉีดยาขนาด 1,000 ลิตรเสียหาย จึงได้ผลักดันกลับเข้าป่าค่ายเทวาพิทักษ์ จนสำเร็จเวลา 05.00 น.

2.นายอนันต์ นพเวช หัวหน้า​ชุดเคลื่อนที่เร็วเฝ้าระวัง ผลักดัน และแก้ไขปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่ ชุดที่ 8 เฝ้าระวังช้างป่า รายงานว่า เวลา 19.00 น. ที่ บริเวณ บ้านคลองยายไท ม.​18 ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ได้รับแจ้งว่าบริเวณบ้านยายไทย ม.​18 ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี มีช้างป่าออกรบกวนบริเวณไร่นายเชาว์นำกำลังออกตรวจสอบพบช้างป่าประมาณ 40 ตัวหากินอยู่ในสวนยางพารา พิกัด 47P 821580E 1454791N จึงผลักดันให้กลับเข้าป่าและเฝ้าระวังไม่ให้ออกมารบกวนชาวบ้าน จนสำเร็จ​ในเวลาประมาณ 01.30 น.

3.นายพรชัย คำนึง หัว​หน้า​ชุด ชุดเคลื่อนที่เร็วฯ ชุดที่ 14 ปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ รายงานว่า เวลา 16.30 น. ร่วมกับชุดเคลื่อนที่เร็วฯ ชุดที่ 15 และเครือข่ายเฝ้าระวังช้างป่า เข้าติดตามเฝ้าระวังช้างป่า 9 ตัว โดยบางตัวมีอาการตกมัน บริเวณ พิกัด wgs84 48p 22468E1397002N ท้องที่ ม.4 ต.ช้างทูน อ.บ่อไร่ จ.ตราด


นอกจาก​นี้ยังมีอีกหลายจุดที่ช้างป่าออกหากิน ซึ่งชุดเคลื่อนที่เร็วเฝ้าระวังผลักดันช้างได้ออกปฏิบัติหน้าที่ เพื่อผลักดันช้างป่าให้กลับเข้าป่าอนุรักษ์ไปได้​สำเร็จ

นายก้อง​เกียรติ​กล่าว​ย้ำว่า​ ได้​กำชับชุดเคลื่อนที่​เร็ว​ฯ​ ให้​ออกปฏิบัติ​งานเพื่อ​ป้องกันและผลักดัน​ช้าง​ ไม่ให้ช้างเข้ามาทำลายพืชผลทางการเกษตรของประชาชน

ที่สำคัญคือ​ กรมอุทยานฯ​ เป็นห่วงความปลอดภัยของประชาชน เกรงว่า​ จะได้​รับอันตรายจากช้าง​ป่า จึงขอเตือน​ให้​โปรดระมัดระวังด้วย หากพบช้างป่า​ ขอให้​รีบแจ้ง​เครือข่าย​อาสาสมัคร​ฯ​ ในพื้นที่​และ​แจ้ง​เจ้าหน้าที่​กรมอุทย​านฯ​ ให้​ผลักดัน​ช้าง​กลับ​เข้าป่าโดยทันที.-สำนัก​ข่าว​ไท​ย​

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

เหตุพลุระเบิด เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 คน

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาล รวมเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คืบหน้าเหตุพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุด พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้ได้สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานชุด EOD เข้าเก็บกู้ดินปืน เนื่องจากตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่สีดำจำนวน 2 หลุม และดินปืนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังพบร่างผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อมูลการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังนี้มีการลักลอบผลิตพลุไล่นก.-สำนักข่าวไทย