“วราวุธ” ขอบคุณทุกหน่วยพา “พลายศักดิ์สุรินทร์” กลับบ้านปลอดภัย

เชียงใหม่ 2 ก.ค. – “วราวุธ” ขอบคุณทุกหน่วยงานที่พาช้าง “พลายศักดิ์สุรินทร์” กลับบ้านอย่างปลอดภัย เล็งเปิดให้ประชาชนเข้าชมพลายศักดิ์สุรินทร์


เมื่อเวลา 14.03 น. วันนี้ (2 ก.ค.66) เครื่องบินแบบ Ilyushin IL-76 (อิลยูชิน อิล-76) ซึ่งบินจากสนามบินกรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา นำช้าง “พลายศักดิ์สุรินทร์” มาถึงยังท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง มารอต้อนรับที่อาคารคลังสินค้า ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ โดยทันทีที่ “พลายศักดิ์สุรินทร์” มาถึง ประชาชนที่มารอต้อนรับเห็นภาพจากจอที่เจ้าหน้าที่นำมาตั้งไว้ให้ชม ต่างส่งเสียงเฮด้วยความดีใจที่ “พลายศักดิ์สุรินทร์” มาถึงบ้านเกิดอย่างปลอดภัย บางคนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

นายวราวุธ เปิดเผยว่า จากการตรวจสุขภาพเบื้องต้นโดยทีมสัตวแพทย์ พบว่า พลายศักดิ์สุรินทร์ มีความพร้อมสมบูรณ์ในการเดินทางไปยังสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ จ.ลำปาง โดยขบวนมีตำรวจนำทาง 2 คัน และปิดท้ายอีก 1 คัน เพื่อหลีกเลี่ยงรถติดและเดินทางไปได้อย่างราบรื่น คาดว่าใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ถึงที่หมาย


ทั้งนี้ เกือบ 2 ชั่วโมงที่เครื่องลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่ เพื่อตรวจสุขภาพ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ต้องพักกินหยวกกล้วยและน้ำ โดยเจ้าหน้าที่ต้องเปิดประตูตู้ เพื่อฉีดน้ำคลายความร้อนและให้ดื่มน้ำก่อน รวมถึงนำน้ำแข็งก้อนไปไว้ในกรง ช่วยให้อากาศภายในกรงเย็นขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศร้อนอบอ้าว ก่อนที่ในเวลา 16.09 น. จะออกเดินทางจากสนามบินเชียงใหม่ ไปยังสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ จ.ลำปาง โดยมีประชาชนทุกเพศทุกวัยมารอต้อนรับ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ที่สนามบินเป็นจำนวนมาก

นายวราวุธ แถลงภายหลัง “พลายศักดิ์สุรินทร์” ออกจากท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ ว่า ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การช่วยเหลือ ซึ่งพลายศักดิ์สุรินทร์เหมือนรู้ดีว่าได้กลับมาประเทศไทย ให้ความร่วมมืออย่างดีตั้งแต่อยู่ศรีลังกา โดยสถาบันคชบาลฯ จ.ลำปาง จะต้องกักตรวจโรคเป็นเวลา 1 เดือน ก่อนเริ่มทำการรักษา เบื้องต้นได้รับการประเมินและรักษาแค่ภายนอก ยังไม่ทราบดีว่าภายในของช้างพลายศักดิ์สุรินทร์มีความผิดปกติอย่างไรบ้าง

ส่วนจะมีการส่งพลายศักดิ์สุรินทร์กลับศรีลังกาหรือไม่ หลังจากรักษาหาย นายวราวุธ บอกว่า เป็นเรื่องที่เร็วเกินไปที่จะพูดตอนนี้ ขอยังไม่พูดถึง ตอนนี้สำคัญคือรักษาพลายศักดิ์สุรินทร์ให้หายก่อน เพราะวันนี้ยังไม่รู้ว่าพลายศักดิ์สุรินทร์มีอาการอย่างไรบ้าง เห็นแค่อาการบาดเจ็บจากภายนอก ยังบอกไม่ได้ถึงภายใน


นายวราวุธ กล่าวขอบคุณควาญช้างทั้ง 4 คน ควาญช้างจากศรีลังกา และทีมสัตวแพทย์ทั้ง 2 คนที่อยู่บนเครื่อง ที่ดูแลพลายศักดิ์สุรินทร์เป็นอย่างดี โดยกัปตันได้รายงานว่า ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่น่าวิตกกังวล พอลงจากเครื่อง พลายศักดิ์สุรินทร์มีอาการหิวน้ำ จึงกินน้ำเข้าไปจำนวนมาก มีการฉีดน้ำเข้าไปในกรง เพื่อให้อุณหภูมิลดลง ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่อยากกินน้ำ กินน้ำได้ปริมาณมาก

ส่วนที่มีแฟนคลับพลายศักดิ์สุรินทร์จำนวนมากในขณะนี้ อนาคตจะเปิดให้เข้าชมด้วยหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า คาดว่าเป็นไปได้ แต่จะเข้าไปชมในลักษณะใด คงต้องหารือกับเจ้าหน้าที่ก่อน แต่ยอมรับว่า พลายศักดิ์สุรินทร์เป็นที่สนใจของประชาชน ต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าไปชื่นชมและให้กำลังใจด้วย

เมื่อถามถึงอาการของช้างอีก 2 เชือกที่ยังอยู่ศรีลังกา นายวราวุธ กล่าวว่า ทั้ง  2 เชือกนั้น จากการประสานงาน และ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษา ทส.ได้ไปดู รวมถึงจากรายงานที่เข้ามา ยังวางใจได้ว่ายังมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีอาการบาดเจ็บใด แต่เพื่อความไม่ประมาท ขอแจ้งว่า ถ้าประชาชนคนใดมีข้อมูล หรือมีประเด็นใดเป็นห่วง ขอให้แจ้งมายัง ทส. จะขอให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบต่อไป

เมื่อถามว่า มีการพยายามปกปิดที่อยู่และอาการของช้างที่เหลืออีก 2 เชือกนั้น นายวราวุธ บอกว่า คงเป็นเรื่องที่ต้องสอบถามไปยังศรีลังกา ส่วนงบประมาณที่ใช้ในการขนส่งครั้งนี้ อยู่ที่ประมาณ 19 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นค่าขนส่ง เพราะเป็นเครื่องบินพาณิชย์ที่คาดว่าน่าจะใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ดังนั้นจึงใช้เงินและใช้เวลาพอสมควร

เมื่อถามว่า จะมีการส่งช้างไปเป็นทูตสันถวไมตรีให้กับประเทศต่างๆ อีกหรือไม่ นายวราวุธ ยืนยันว่า จะไม่มีส่งไปไหนอีกต่อไปแล้ว

สำหรับประวัติของ “พลายศักดิ์สุรินทร์” รัฐบาลไทยส่งมอบให้ประเทศศรีลังกา เพื่อเป็นทูตสันถวไมตรี เมื่อปี 2544 พร้อมกับ “พลายศรีณรงค์” ตามที่ศรีลังการ้องขอ เพื่อนำไปฝึกใช้ในการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในงานแห่พระธาตุเขี้ยวแก้ว ซึ่งเป็นงานใหญ่ประจำปีของศรีลังกา ที่มีการจัดอย่างต่อเนื่องมากว่า 270 ปี โดย “พลายศักดิ์สุรินทร์” นับเป็นช้างเชือกที่ 3 ที่ไทยส่งให้ศรีลังกาไปเป็นทูตสันถวไมตรี ต่อจาก “พลายประตูผา” ที่เป็นเชือกแรก เมื่อปี 2523

ทั้งนี้ “พลายศักดิ์สุรินทร์” เป็นช้างที่มีคชลักษณ์โดดเด่นตรงตามความต้องการของศรีลังกา เพื่อใช้ในงานแห่พระธาตุเขี้ยวแก้ว ซึ่งหลังจากถูกส่งไปอยู่ศรีลังกา รัฐบาลศรีลังกาได้โอนกรรมสิทธิ์ช้างเชือกนี้ให้กับ “วัดคันเดวิหาร” (Kande Vihara) เป็นผู้รับช่วงดูแลต่อ เพื่อให้ทำหน้าที่ในขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุในงานแห่พระธาตุประจำปีของศรีลังกา ซึ่งมีเฉลี่ย 30 ครั้ง/ปี โดยต่อมาปี 2565 มีการร้องเรียนและตรวจสอบพบว่า “พลายศักดิ์สุรินทร์” ถูกใช้งานอย่างหนัก และมีสภาพความเป็นอยู่ย่ำแย่ รวมทั้งจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วน จึงนำไปสู่กระบวนการให้ความช่วยเหลือและนำตัวกลับมารักษาที่ประเทศไทยในที่สุด

ด้านสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) จ.ลำปาง แจ้งผ่านเพจว่า ขอความร่วมมือประชาชนและสื่อมวลชนทุกท่านที่ต้องการเดินทางมาต้อนรับ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ซึ่งเดินทางมาจากประเทศศรีลังกา ในวันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม 2566 ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากหลายหน่วยงาน รวมทั้งสัตวแพทย์และควาญช้าง เพื่อให้ช้างได้พักผ่อนภายหลังจากการเดินทาง และได้ใช้เวลาเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ ตลอดจนมีโอกาสได้สร้างความคุ้นเคยกับควาญช้างไทย ภาษาไทย และได้ปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมที่จากไปนานนับสิบปี จึงขอความร่วมมือมายังประชาชนและสื่อมวลชนทุกท่านที่ห่วงใยช้าง และติดตามการเดินทางของ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ได้ที่อาคารกัลยาณิวัฒนาการุณย์ สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง โดยได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อให้ติดตามผ่านช่องทางดังกล่าว

“พลายศักดิ์สุรินทร์” จะใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่เฝ้าระวัง และสังเกตอาการเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 วัน ภายใต้ระเบียบการควบคุมโรคระบาดสัตว์ กรมปศุสัตว์ เพื่อป้องกันโรคติดต่อบางชนิด ในการนี้ สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ ได้จัดให้มีการไลฟ์ผ่านทางแฟนเพจ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง The Thai Elephant Conservation Center Lampang (https://www.facebook.com/elephantcenter/) และจัดทำคลิปวิดีโอ เพื่อนำเสนอเรื่องราวการดูแลรักษาพลายศักดิ์สุรินทร์ ตลอดระยะเวลา 30 วันนี้ และเมื่อผ่านพ้นช่วงเวลานี้ที่พลายศักดิ์สุรินทร์จะได้พักผ่อนทำความคุ้นเคยกับที่อยู่ใหม่ ตลอดจนได้รับการดูแลรักษาจนมีสุขภาพแข็งแรงดีแล้ว จึงจะเชิญชวนคนรักช้างทุกท่านได้เข้าเยี่ยมพลายศักดิ์สุรินทร์ ตามประกาศอีกครั้ง. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]