“วราวุธ” ขอบคุณทุกหน่วยพา “พลายศักดิ์สุรินทร์” กลับบ้านปลอดภัย

เชียงใหม่ 2 ก.ค. – “วราวุธ” ขอบคุณทุกหน่วยงานที่พาช้าง “พลายศักดิ์สุรินทร์” กลับบ้านอย่างปลอดภัย เล็งเปิดให้ประชาชนเข้าชมพลายศักดิ์สุรินทร์


เมื่อเวลา 14.03 น. วันนี้ (2 ก.ค.66) เครื่องบินแบบ Ilyushin IL-76 (อิลยูชิน อิล-76) ซึ่งบินจากสนามบินกรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา นำช้าง “พลายศักดิ์สุรินทร์” มาถึงยังท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง มารอต้อนรับที่อาคารคลังสินค้า ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ โดยทันทีที่ “พลายศักดิ์สุรินทร์” มาถึง ประชาชนที่มารอต้อนรับเห็นภาพจากจอที่เจ้าหน้าที่นำมาตั้งไว้ให้ชม ต่างส่งเสียงเฮด้วยความดีใจที่ “พลายศักดิ์สุรินทร์” มาถึงบ้านเกิดอย่างปลอดภัย บางคนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

นายวราวุธ เปิดเผยว่า จากการตรวจสุขภาพเบื้องต้นโดยทีมสัตวแพทย์ พบว่า พลายศักดิ์สุรินทร์ มีความพร้อมสมบูรณ์ในการเดินทางไปยังสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ จ.ลำปาง โดยขบวนมีตำรวจนำทาง 2 คัน และปิดท้ายอีก 1 คัน เพื่อหลีกเลี่ยงรถติดและเดินทางไปได้อย่างราบรื่น คาดว่าใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ถึงที่หมาย


ทั้งนี้ เกือบ 2 ชั่วโมงที่เครื่องลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่ เพื่อตรวจสุขภาพ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ต้องพักกินหยวกกล้วยและน้ำ โดยเจ้าหน้าที่ต้องเปิดประตูตู้ เพื่อฉีดน้ำคลายความร้อนและให้ดื่มน้ำก่อน รวมถึงนำน้ำแข็งก้อนไปไว้ในกรง ช่วยให้อากาศภายในกรงเย็นขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศร้อนอบอ้าว ก่อนที่ในเวลา 16.09 น. จะออกเดินทางจากสนามบินเชียงใหม่ ไปยังสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ จ.ลำปาง โดยมีประชาชนทุกเพศทุกวัยมารอต้อนรับ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ที่สนามบินเป็นจำนวนมาก

นายวราวุธ แถลงภายหลัง “พลายศักดิ์สุรินทร์” ออกจากท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ ว่า ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การช่วยเหลือ ซึ่งพลายศักดิ์สุรินทร์เหมือนรู้ดีว่าได้กลับมาประเทศไทย ให้ความร่วมมืออย่างดีตั้งแต่อยู่ศรีลังกา โดยสถาบันคชบาลฯ จ.ลำปาง จะต้องกักตรวจโรคเป็นเวลา 1 เดือน ก่อนเริ่มทำการรักษา เบื้องต้นได้รับการประเมินและรักษาแค่ภายนอก ยังไม่ทราบดีว่าภายในของช้างพลายศักดิ์สุรินทร์มีความผิดปกติอย่างไรบ้าง

ส่วนจะมีการส่งพลายศักดิ์สุรินทร์กลับศรีลังกาหรือไม่ หลังจากรักษาหาย นายวราวุธ บอกว่า เป็นเรื่องที่เร็วเกินไปที่จะพูดตอนนี้ ขอยังไม่พูดถึง ตอนนี้สำคัญคือรักษาพลายศักดิ์สุรินทร์ให้หายก่อน เพราะวันนี้ยังไม่รู้ว่าพลายศักดิ์สุรินทร์มีอาการอย่างไรบ้าง เห็นแค่อาการบาดเจ็บจากภายนอก ยังบอกไม่ได้ถึงภายใน


นายวราวุธ กล่าวขอบคุณควาญช้างทั้ง 4 คน ควาญช้างจากศรีลังกา และทีมสัตวแพทย์ทั้ง 2 คนที่อยู่บนเครื่อง ที่ดูแลพลายศักดิ์สุรินทร์เป็นอย่างดี โดยกัปตันได้รายงานว่า ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่น่าวิตกกังวล พอลงจากเครื่อง พลายศักดิ์สุรินทร์มีอาการหิวน้ำ จึงกินน้ำเข้าไปจำนวนมาก มีการฉีดน้ำเข้าไปในกรง เพื่อให้อุณหภูมิลดลง ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่อยากกินน้ำ กินน้ำได้ปริมาณมาก

ส่วนที่มีแฟนคลับพลายศักดิ์สุรินทร์จำนวนมากในขณะนี้ อนาคตจะเปิดให้เข้าชมด้วยหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า คาดว่าเป็นไปได้ แต่จะเข้าไปชมในลักษณะใด คงต้องหารือกับเจ้าหน้าที่ก่อน แต่ยอมรับว่า พลายศักดิ์สุรินทร์เป็นที่สนใจของประชาชน ต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าไปชื่นชมและให้กำลังใจด้วย

เมื่อถามถึงอาการของช้างอีก 2 เชือกที่ยังอยู่ศรีลังกา นายวราวุธ กล่าวว่า ทั้ง  2 เชือกนั้น จากการประสานงาน และ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษา ทส.ได้ไปดู รวมถึงจากรายงานที่เข้ามา ยังวางใจได้ว่ายังมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีอาการบาดเจ็บใด แต่เพื่อความไม่ประมาท ขอแจ้งว่า ถ้าประชาชนคนใดมีข้อมูล หรือมีประเด็นใดเป็นห่วง ขอให้แจ้งมายัง ทส. จะขอให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบต่อไป

เมื่อถามว่า มีการพยายามปกปิดที่อยู่และอาการของช้างที่เหลืออีก 2 เชือกนั้น นายวราวุธ บอกว่า คงเป็นเรื่องที่ต้องสอบถามไปยังศรีลังกา ส่วนงบประมาณที่ใช้ในการขนส่งครั้งนี้ อยู่ที่ประมาณ 19 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นค่าขนส่ง เพราะเป็นเครื่องบินพาณิชย์ที่คาดว่าน่าจะใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ดังนั้นจึงใช้เงินและใช้เวลาพอสมควร

เมื่อถามว่า จะมีการส่งช้างไปเป็นทูตสันถวไมตรีให้กับประเทศต่างๆ อีกหรือไม่ นายวราวุธ ยืนยันว่า จะไม่มีส่งไปไหนอีกต่อไปแล้ว

สำหรับประวัติของ “พลายศักดิ์สุรินทร์” รัฐบาลไทยส่งมอบให้ประเทศศรีลังกา เพื่อเป็นทูตสันถวไมตรี เมื่อปี 2544 พร้อมกับ “พลายศรีณรงค์” ตามที่ศรีลังการ้องขอ เพื่อนำไปฝึกใช้ในการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในงานแห่พระธาตุเขี้ยวแก้ว ซึ่งเป็นงานใหญ่ประจำปีของศรีลังกา ที่มีการจัดอย่างต่อเนื่องมากว่า 270 ปี โดย “พลายศักดิ์สุรินทร์” นับเป็นช้างเชือกที่ 3 ที่ไทยส่งให้ศรีลังกาไปเป็นทูตสันถวไมตรี ต่อจาก “พลายประตูผา” ที่เป็นเชือกแรก เมื่อปี 2523

ทั้งนี้ “พลายศักดิ์สุรินทร์” เป็นช้างที่มีคชลักษณ์โดดเด่นตรงตามความต้องการของศรีลังกา เพื่อใช้ในงานแห่พระธาตุเขี้ยวแก้ว ซึ่งหลังจากถูกส่งไปอยู่ศรีลังกา รัฐบาลศรีลังกาได้โอนกรรมสิทธิ์ช้างเชือกนี้ให้กับ “วัดคันเดวิหาร” (Kande Vihara) เป็นผู้รับช่วงดูแลต่อ เพื่อให้ทำหน้าที่ในขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุในงานแห่พระธาตุประจำปีของศรีลังกา ซึ่งมีเฉลี่ย 30 ครั้ง/ปี โดยต่อมาปี 2565 มีการร้องเรียนและตรวจสอบพบว่า “พลายศักดิ์สุรินทร์” ถูกใช้งานอย่างหนัก และมีสภาพความเป็นอยู่ย่ำแย่ รวมทั้งจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วน จึงนำไปสู่กระบวนการให้ความช่วยเหลือและนำตัวกลับมารักษาที่ประเทศไทยในที่สุด

ด้านสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) จ.ลำปาง แจ้งผ่านเพจว่า ขอความร่วมมือประชาชนและสื่อมวลชนทุกท่านที่ต้องการเดินทางมาต้อนรับ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ซึ่งเดินทางมาจากประเทศศรีลังกา ในวันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม 2566 ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากหลายหน่วยงาน รวมทั้งสัตวแพทย์และควาญช้าง เพื่อให้ช้างได้พักผ่อนภายหลังจากการเดินทาง และได้ใช้เวลาเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ ตลอดจนมีโอกาสได้สร้างความคุ้นเคยกับควาญช้างไทย ภาษาไทย และได้ปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมที่จากไปนานนับสิบปี จึงขอความร่วมมือมายังประชาชนและสื่อมวลชนทุกท่านที่ห่วงใยช้าง และติดตามการเดินทางของ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ได้ที่อาคารกัลยาณิวัฒนาการุณย์ สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง โดยได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อให้ติดตามผ่านช่องทางดังกล่าว

“พลายศักดิ์สุรินทร์” จะใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่เฝ้าระวัง และสังเกตอาการเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 วัน ภายใต้ระเบียบการควบคุมโรคระบาดสัตว์ กรมปศุสัตว์ เพื่อป้องกันโรคติดต่อบางชนิด ในการนี้ สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ ได้จัดให้มีการไลฟ์ผ่านทางแฟนเพจ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง The Thai Elephant Conservation Center Lampang (https://www.facebook.com/elephantcenter/) และจัดทำคลิปวิดีโอ เพื่อนำเสนอเรื่องราวการดูแลรักษาพลายศักดิ์สุรินทร์ ตลอดระยะเวลา 30 วันนี้ และเมื่อผ่านพ้นช่วงเวลานี้ที่พลายศักดิ์สุรินทร์จะได้พักผ่อนทำความคุ้นเคยกับที่อยู่ใหม่ ตลอดจนได้รับการดูแลรักษาจนมีสุขภาพแข็งแรงดีแล้ว จึงจะเชิญชวนคนรักช้างทุกท่านได้เข้าเยี่ยมพลายศักดิ์สุรินทร์ ตามประกาศอีกครั้ง. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]