ระยอง 23 มี.ค. – “กรมทะเลชายฝั่ง” สืบพบผู้ลักลอบค้ากัลปังหา โฆษณาและจำหน่ายผ่านเฟซบุ๊ก บุกจับ ปรับ และดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดตราด สืบหาผู้ลักลอบค้ากัลปังหา ดอกไม้ทะเล และซากปะการัง ตามที่ได้รับแจ้งจากเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดตราด ว่ามีการประกาศขายในเพจเครื่องราง..ทนสิทธิ์ แปลก!! หายาก และเพจเครื่องรางของขลังจากธรรมชาติทุกชนิด กะลา กาฝาก ไม้ไผ่ฯ โดยซื้อ-ขายในพื้นที่จังหวัดตราด ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562
ดังนั้นกรม ทช. จึงประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฝ่ายความมั่นคงอำเภอเขาสมิง งานสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเขาสมิง และศูนย์รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดตราด เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบและได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดตราดในการเข้าตรวจค้นพร้อมจับกุมนายภูมิศักดิ์ จีนะศิริ อายุ 46 ปี และนางปวีณา จีนะศิริ อายุ 37 ปี รวมถึงของกลาง ประกอบด้วย ซากกัลปังหา แปรสภาพเป็นแหวนและกำไล รวม 30 ชิ้น ซากกัลปังหาบรรจุกล่องพร้อมส่ง 47 ชิ้น ซากกัลปังหา อยู่ในภาชนะกาละมัง 20 ชิ้น และซากกัลปังหาแข็ง 6 ชิ้น
เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาการค้าและมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนความผิดฐานค้าฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จากนั้นควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขาสมิงเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
สำหรับ “กัลปังหา” เป็นสัตว์ใต้ทะเลที่ไม่มีกระดูกสันหลัง จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับปะการัง อาศัยรวมกันอยู่ในโคโลนีที่เรามองเห็นเป็นกอหรือกิ่งก้านสีสันต่างๆ เพื่อดักจับแพลงก์ตอนเป็นอาหาร ซึ่งแต่ละกิ่งก้านอาจมีตัวกัลปังหาอาศัยอยู่นับแสนนับล้านตัว และยังเป็นที่อาศัยของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อีกมาก กัลปังหาเป็นสัตว์ทะเลที่เจริญเติบโตค่อนข้างช้า บางชนิดอาจจะใช้เวลาเป็นร้อยปีในการเติบโตเพียงแค่ 1 ฟุตเท่านั้น บางต้นที่มีขนาดใหญ่จึงอาจมีอายุหลายร้อยปี มีรูปร่างและสีสันแตกต่างกันไป บางชนิดรูปร่างคล้ายต้นไม้ หวีผมหรือขนนก ซึ่งสีของกัลปังหามีตั้งแต่สีขาว เหลืองชมพู ม่วง แดง ไปจนถึงแดงเข้ม สีอิฐแดงสนิมเหล็ก และสีน้ำตาลเข้ม แต่เมื่อนำขึ้นมาจากทะเลตัวกัลปังหาจะตายเหลือแต่แกนที่มีสีดำมีลักษณะแข็ง ทั้งนี้ ภัยคุกคามกัลปังหาคือ เรืออวนลาก อวนรุน และอีกส่วนหนึ่งคือมนุษย์ที่ลักลอบนำมาค้าขายเป็นเครื่องประดับ เครื่องราง หรือนำมาทำเป็นยารักษาโรคตามความเชื่อ
นายอภิชัย กล่าวย้ำว่า ความเชื่อเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นความเชื่อที่ผิดๆ ดังนั้น จึงขอฝากถึงนักท่องเที่ยวและประชาชนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวทางทะเล หากพบเจอปะการัง กัลปังหา รวมถึงสัตว์น้ำ และสัตว์ทะเลหายาก ขอให้สัมผัสความงามของธรรมชาติ ด้วยการดูแต่ตา มืออย่าต้อง เก็บไปแต่รูปถ่ายและไม่ทิ้งอะไรไว้ นอกจากรอยเท้า โดยกรม ทช. ให้หน่วยงานในพื้นที่เร่งดำเนินการตรวจสอบการลักลอบค้าลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง พร้อมขอให้ทุกคนช่วยกันพิทักษ์รักษาระบบนิเวศทางทะเลได้ ด้วยการหยุดซื้อ หยุดขาย หยุดสนับสนุนการกระทำที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ เพื่อรักษาความสมบูรณ์ใต้ท้องทะเลให้คงอยู่อย่างยั่งยืน
หากท่านพบเห็นการทำลายปะการัง หญ้าทะเล สัตว์ทะเลหายาก การล่าและค้าสัตว์ทะเลหายาก การครอบครองซากสัตว์ป่า ให้รีบแจ้งเบาะแสมายังสายด่วนพิทักษ์รักษาทะเล โทร.1362 ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย