แจงปมร้อน ผู้ประกอบการโวยค่าธรรมเนียมอุทยานฯ เสม็ดแพงขึ้น 3 เท่า

กรุงเทพฯ 18 ม.ค. – รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติเผย ตรวจสอบข้อร้องเรียนของผู้ประกอบการที่ว่าค่าธรรมเนียมเรือเข้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า – หมู่เกาะเสม็ดแพงขึ้น 3 เท่าแล้ว พบว่าเป็นการจัดเก็บตามกฎกระทรวงที่กำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตดำเนินการในอุทยานแห่งชาติวนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ และสวนรุกชชาติใหม่ ย้ำยังไม่พบการเรียกเก็บที่ผิดปกติหรือการทุจริต


นายสิทธิชัย เสรีส่งแสง รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกล่าวว่า ได้ตรวจสอบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า – หมู่เกาะเสม็ด ตามที่มีข่าวว่าผู้ประกอบการร้องเรียนค่าธรรมเนียมเรือแพงขึ้น 3 เท่าตัว โดยยังไม่พบว่าเป็นการเรียกเก็บแพงผิดปกติ แต่เก็บในอัตราที่กำหนดไว้ตามกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตดำเนินการในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ และสวนรุกชชาติ พ.ศ. 2565

เดิมกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชได้ประกาศกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้เข้าไปดำเนินกิจการท่องเที่ยวและพักอาศัยในอุทยานแห่งชาติ สำหรับบริการนำเที่ยวแก่นักท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 แต่ปัจจุบันจัดเก็บในอัตราใหม่ตามกฎกระทรวง


นายสิทธิชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า ค่าธรรมเนียมบริเวณเกาะเสม็ด ยังคงเก็บในอัตราเดิม แต่บริเวณเกาะทะลุ เกาะกุฎี เกาะขาม-เกาะกรวย กำหนดอัตราคำบริการสำหรับบุคคลชาวต่างประเทศผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่มาจากเกาะเสม็ด ผู้ใหญ่ต้องชำระเพิ่มอีก 100 บาท และเด็ก 51 บาท เป็นไปตามประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ฉบับลงวันที่ 19 กันยายน 2565 เนื่องจากกำหนดให้การเข้าแหล่งท่องเที่ยวมีความเปราะบางของทรัพยากรธรรมชาติ ต้องชำระค่าบริการเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับแหล่งท่องเที่ยวบางจุดในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา – หมู่เกาะพีพี และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา

นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 กล่าวว่า การนำเสนอข่าวการจัดเก็บค่าธรรมเนียมของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ดว่า ส่อเค้าทุจริต เป็นการนำเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อนและสร้างความเสียหายต่อราชการ

ทั้งนี้ อัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเรือเข้าพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า – หมู่เกาะเสม็ด เดิมกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้กำหนดว่า เรือขนาดบรรทุกผู้โดยสารตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ไม่เกิน 25 คน ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตฉบับละ 500 บาท/ลำ/ปี แต่ปัจจุบันจัดเก็บตามกฎกระทรวง กำหนดจัดเก็บเรือเร็ว ขนาดบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 15 คน ลำละ 2,000 บาท จึงทำให้ค่าธรรมเนียมเรือเพิ่มขึ้นจากเดิม 4 เท่าตัว


ส่วนค่าธรรมเนียมรถโดยสาร เดิมไม่มีกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาต แต่ปัจจุบันกำหนดอัตรารถบริการนำเที่ยว ขนาดบรรทุกคนโดยสารเกิน 7 คน แต่ไม่เกิน 13 คน คันละ 2,000 บาท แต่รถจักรยานยนต์ ยังไม่มีกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาต

ทั้งนี้ ทางอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด นำประเด็นความเดือดร้อนของผู้ประกอบการจากคำธรรมเนียมใหม่ รายงานกรมอุทยานแห่งชาติฯ เพื่อพิจารณาแล้ว

นอกจากนี้ยังชี้แจงถึงการก่อสร้างรีสอร์ตในพื้นที่ของกรมธนารักษ์ ซึ่งบางส่วนรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ได้ดำเนินการตรวจยึดจับกุมไว้แล้ว เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2565 คณะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติฯ ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ที่มีการรื้อถอนปรับปรุงสิ่งก่อสร้าง 2 กิจการ คือ

  • กิจการบาร์แอนด์เบสท์ รีสอร์ท ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติ โดยส่วนที่เจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือได้แจ้งว่า ล้ำเข้ามาในเขตอุทยานแห่งชาตนั้น ทางผู้ประกอบการได้รื้อถอนออกไปแล้ว
  • กิจการนากะบาร์ กิจการดังกล่าวอยู่ในพื้นที่กลุ่ม 49 ราย ที่ได้รับการแก้ไขปัญหาตามมติคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ปี 2543 ขณะเข้าตรวจสอบพบเจ้าของกิจการกำลังดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซม จึงได้แจ้งให้ชะลอการก่อสร้าง จนกว่าจะได้รับความเห็นชอบจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชก่อน จึงจะสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยในส่วนที่มีการทำรีสอร์ตเกินแนวเขตที่ กบร. มีมติ ทางอุทยานแห่งชาติได้ร่วมกับชุดพญาเสือตรวจยึดจับกุมแล้ว ซึ่งในปัจจุบันไม่มีการก่อสร้างแต่อย่างใด

นายก้องเกียรติกล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อกล่าวหาหรือข้อมูลข้อร้องเรียนอื่นๆ ที่มีรายละเอียดปรากฏตามสื่อต่างๆ นั้น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว จึงขอให้รอฟังผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการซึ่งต้องแสวงหาพยานบุคคล พยานเอกสาร รวมถึงข้อเท็จจริงรอบด้านเพื่อทำความจริงให้ปรากฏ การดำเนินการดังกล่าวต้องอาศัยระยะเวลาให้คณะกรรมการได้ทำงาน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย หากเมื่อได้ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว จะรายงานให้ทราบสาธารณชนทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

EOD เก็บกู้ทำลายระเบิด M33 กลางบ้าน

ตรัง 20 ส.ค.- คนร้ายลอบขว้างระเบิด M33 ใส่บ้านในพื้นที่ ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ระเบิดทำงาน 1 ลูก อีก 1 ลูกไม่ทำงาน เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเก็บกู้ทำลายเสียงดังสนั่น เร่งสืบสวนหาตัวคนร้าย-สอบปมเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด EOD จังหวัดตรัง ได้ทำการเก็บกู้และทำลายระเบิด M33 ที่ยังไม่ทำงาน ระหว่างทำลายเกิดเสียงดังสนั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ ยางรถยนต์ที่ใช้เป็นอุปกรณ์ป้องกันแรงระเบิดปลิวลอยขึ้นฟ้า ควันฟุ้งกระจายไปทั่ว สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง  โดยเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านยูงงาม ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบขว้างระเบิดเข้าใส่บ้านหลังหนึ่ง ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ เจ้าของบ้านเล่าว่าช่วงเกิดเหตุคนในบ้านกำลังนอนหลับ ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด 1 ครั้ง แต่ไม่กล้าออกมาดู กระทั่งเช้าพบหลุมระเบิดขนาดกว้างราว 2 ฟุต ลึก 1 ฟุต อยู่ข้างบ้าน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ จากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ทราบว่าบ้านหลังนี้เคยถูกลอบยิงมาแล้วหลายครั้ง จนเจ้าของบ้านต้องสร้างกำแพงสูงเพื่อป้องกัน แต่ล่าสุดกลับถูกลอบขว้างระเบิดแบบลูกเกลี้ยง […]

ทำแผนโจรชิงทอง 123 บาท สารภาพเป็นหนี้นอกระบบ

สมุทรปราการ 20 ส.ค.- โจรชิงทองกลางห้างดังสมุทรปราการ 123 บาท ทำแผนรับสารภาพกู้เงินมาลงทุนร้านซ่อมรถ เสียดอกรายวันแต่หมุนเงินไม่ทัน จึงก่อเหตุ  กรณีนายวีรวัฒน์ อายุ 31 ปี บุกเดี่ยวควงปืนก่อเหตุชิงทองรูปพรรณน้ำหนัก 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท ที่ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ  ก่อนจะอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีเส้นทางที่ไร้กล้องวงจรปิด โดยเหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ต่อมา ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พบว่าผู้ต้องหานำรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนีไปทิ้งบ่อปลาแห่งหนึ่งในซอยวัดคอลาด แล้วหลบหนีต่อไป จึงไล่เรียงเบาะแสจนพบหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านพัก เมื่อวาน (19 ส.ค.) จึงนำหมายค้นบ้านนายวีรวัฒน์ พร้อมแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมกับของกลางทองรูปพรรณซุกซ่อนไว้ในตู้ลำโพงหน้าบ้าน และใส่ในถุงพลาสติกฝังดินใต้ต้นไม้ข้างบ้าน รวมตรวจยึดทองคืนได้ประมาณ 90 บาท ยังเหลือทองคำอีก 33 บาท อยู่ระหว่างสอบขยายผล  ผู้ต้องหาสารภาพว่า ก่อเหตุเพราะเป็นหนี้นอกระบบจากการกู้ยืมมาลงทุนร้านซ่อมรถและต้องเสียดอกเบี้ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท จึงหมุนเงินไม่ทัน จากนั้นคิดวางแผนในการก่อเหตุ ประมาณ 1 […]

บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบฯ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน

ทำเนียบฯ 20 ส.ค.-บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบค้างท่อ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน เน้นเศรษฐกิจชายแดน รองรับผลกระทบภาษี “ทรัมป์” และเหตุจำเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) หลังจากรัฐบาลจัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรก 1.15 แสนล้านบาท รอบสอง 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดสรรเงินให้กับกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท และกองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) 8,488 ล้านบาท นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การจัดสรรให้กับหน่วยงานต่างๆ ในรอบแรกพบว่า มีหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างไม่ทัน จึงดึงงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลือค้างท่อ 2.6 หมื่นล้านบาท กลับเข้ามาอยู่ในงบกลางสำรองฉุกเฉิน เพื่อนำมาพิจารณาใช้ในเรื่องจำเป็น เช่น การฟื้นเศรษฐกิจแดนไทย-กัมพูชา การใช้งบรองรับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐร้อยละ 19 ในบางรายการ หากส่วนราชการใดต้องการใช้งบดังกล่าว ต้องจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายใน 30 ก.ย.นี้ โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาในการจัดสรรงบให้ สำหรับผลกระทบจากภาษีศุลกากรสหรัฐ ยอมรับว่า รายย่อยที่ได้รับผลกระทบ […]