กรุงเทพฯ 26 ธ.ค. – กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งขอความร่วมมือประชาชนงดปล่อยโคมลอยบริเวณชายหาด หวั่นเกิดปัญหาขยะทะเล อีกทั้งสัตว์ทะเลอาจกินเข้าไป เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางมาตรการป้องกันและแก้ไขเนื่องจากช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จะมีประชาชนไปท่องเที่ยวตามชายหาดต่างๆ เพิ่มขึ้น
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งกล่าวว่า ขอความร่วมมือประชาชนไม่ปล่อยโคมลอยบริเวณชายหาดเนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล โดยก่อนหน้านี้เพจ ขยะมรสุม MONSOONGARBAGE THAILAND เผยแพร่ภาพนักท่องเที่ยวปล่อยโคมลอย บริเวณชายหาดกะรน จังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้การจุดโคมลอยบริเวณชายหาดหากถูกลมพัดพาลงไปสู่ทะเลเมื่อโคมลอยเหล่านี้ตกลงสู่ทะเลอาจก่อให้เกิดเป็นขยะทะเลซึ่งลักษณะของโคมลอยมีลักษณะสีขาวหากตกอยู่ลอยอยู่ในน้ำทะเลอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแมงกะพรุน อาจทำให้เต่าทะเลหรือสัตว์ทะเลอื่นๆ กินเข้าไปซึ่งจะอุดตันทางเดินอาหารส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของสัตว์เหล่านี้ หรือหากตกลงสู่ท้องทะเลในบริเวณที่เป็นแหล่งหญ้าทะเลหรือประการัง โคมลอยเหล่านี้ก็อาจจะไปปกคลุมในบริเวณหญ้าทะเลหรือบริเวณปะการัง ทำให้หญ้าทะเลไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ก็จะเกิดการเสื่อมโทรม หรือตายลง กรณีที่ไปปกคลุมแนวปะการังจะทำให้สาหร่ายซูแซนเทลลี่ (zooxanthellae) ซึ่งอาศัยอยู่ในเซลล์ของประการังไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ทำให้ตัวปะการังอ่อนแอและอาจตายลงได้ในที่สุด
กรม ทช. จะประสานงานกับท้องถิ่น จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งหารือมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาพร้อมกับประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปล่อยโคมลอยบริเวณชายหาด ก่อนจะถึงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ สุดท้ายนี้ ขอวิงวอนไปยังพี่น้องประชาชนทุกท่าน ให้งดปล่อยโคมลอยบริเวณชายหาดโดยเด็ดขาด หากจำเป็นต้องการปล่อยโคมลอยเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่หรือเทศกาลอื่นๆ ควรเลือกสถานที่ปลอดโปร่งและปลอดภัย ลดสร้างความเสียหายต่อสิ่งรอบข้าง และลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อระบบนิเวศทางทะเลอีกด้วย
พร้อมกันนี้ขอขอบคุณประชาชนที่คอยเป็นหูเป็นตาและสอดส่องดูแลปกป้องทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงสื่อออนไลน์ที่เป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม หากพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้อีก ขอให้แจ้งเบาะแสมาได้ที่สายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล โทร. 1362 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อกรม ทช. จะเร่งประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่และดำเนินการตามขั้นต่อไปโดยทันที.-สำนักข่าวไทย