สุราษฎร์ธานี 8 พ.ย.- กรมป่าไม้ ร่วมกับตำรวจและทหาร เร่งตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารการครอบครองที่ดินของดารา ซึ่งกำลังปลูกสร้างบ้านที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เหตุสงสัยว่า ใบ ส.ค.1 ที่นำมาแสดง อาจไม่ตรงกับพื้นที่ปลูกสร้าง หากพบเอกสารไม่ถูกต้อง เตรียมดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายจงรัก ทรงรัตนพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 11 (สุราษฎร์ธานี) กล่าวว่า กำลังเร่งตรวจสอบการครอบครองที่ดินแปลงหนึ่งในเกาะสมุยว่า เป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ จากการที่เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สฎ.16 (เกาะสมุย) ร่วมกับตำรวจชุดตรวจสอบและแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ทหารชุดปฏิบัติการ กอ.รมน.ภาค 4 พื้นที่เกาะสมุย และเทศบาลนครเกาะสมุย เข้าตรวจสอบพื้นที่ก่อสร้างบ้านพักในหมู่ 3 ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามที่มีการร้องเรียน
ขณะเข้าตรวจสอบพบกับนายศราวุธ จึงได้สอบถาม ทราบว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของดาราชื่อดัง ซึ่งเป็นพี่สาว โดยพี่สาวมอบหมายให้ตนเป็นผู้ดูแลที่ดินแปลงนี้ ขณะนี้เจ้าของที่ดินอยู่ที่ประเทศรัสเซียกับสามี ซึ่งยังเดินทางกลับประเทศไทยไม่ได้ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องสงคราม
จากนั้นนายศราวุธ นำเอกสาร ส.ค.1 มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ โดยรายละเอียดระบุว่า ที่ดินดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 2 งาน 0 ตารางวา ชื่อนายวอน เป็นผู้ครอบครอง
ทั้งนี้นายศราวุธระบุว่า ผู้ครอบครองที่ดินแปลงนี้กำลังขอออกโฉนด แต่เนื่องจากเจ้าของผู้ดำเนินการยื่นคำขออยู่ต่างประเทศ ทำให้เจ้าหน้าที่ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ยื่นคำขอออกโฉนดตามเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาเกาะสมุย คือ ดาราดัง พี่สาวของนายศราวุธ ซึ่งไม่ตรงกับชื่อผู้ครอบครองที่ดินตามที่นายศราวุธนำมาแสดง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ร่วมกันตรวจสอบบริเวณดังกล่าว โดยนายศราวุธเป็นผู้นำชี้ตรวจสอบ พบว่า กำลังก่อสร้างอาคารบ้านพัก 1 หลัง ส่วนที่สร้างแล้วเสร็จ 2 หลัง จึงตรวจวัดพื้นที่จับค่าพิกัดรอบแปลง โดยใช้เครื่องมือหาค่าพิกัดดาวเทียม หรือ GPS คำนวณเนื้อที่ได้ 1 ไร่ 2 งาน 95 ตารางวา ซึ่งไม่ตรงกับค่าพิกัดใน ส.ค.1 อีก
นายจงรัก กล่าวว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำตกหินลาดแต่อย่างใด แต่จากการที่ชื่อผู้ครอบครองที่ดินตาม ส.ค.1 กับชื่อผู้ใช้ ส.ค.1 ออกโฉนดที่ดินไม่ตรงกัน รวมถึงเนื้อที่ที่ระบุใน ส.ค.1 กับที่คำนวณจากการตรวจวัดด้วย GPS ไม่ตรงกัน ทำให้สงสัยว่า ส.ค.ที่นำมาแสดงเป็นเอกสารการครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าวจริงหรือไม่ จึงต้องเร่งตรวจสอบเพิ่มเติม หากพบว่า ส.ค.1 ฉบับดังกล่าวไม่ใช่เอกสารของที่ดินแปลงนี้ จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย