ไนน์เอ็นเตอร์เทน 24 ม.ค. – เป็นหนุ่มฮอตที่มักจะมีรอยยิ้ม และสร้างความสดใสให้แฟนๆ มาเสมอ สำหรับนักแสดงหนุ่มมากความสามารถ “ไอซ์ พาริส อินทรโกมาลย์สุต” ที่จะมาเล่าถึงความแสบ ซน ซ่าในวัยเด็กที่มีวีรกรรมไม่ธรรมดา ถึงขนาดที่เคยทำไฟดับทั้งหมู่บ้านมาแล้ว
จากเด็กธรรมดาที่ใช้ชีวิตสนุกๆ ซนไปวันๆ ไม่มีเป้าหมายอะไรในชีวิต ต้องขยับมาเป็นผู้นำในครอบครัว หลังสูญเสียคุณพ่อ จากนั้นจนวันนี้ผู้ชายคนนี้เปลี่ยนไป จากคนที่เคยเป็นผู้รับ กลายเป็นผู้ให้ โดยไอซ์ได้เปิดใจกับ “Exclusive Talk ไนน์เอ็นเตอร์เทน”
โดยเผยถึงวีรกรรมในวัยเด็กว่า ไม่ได้เป็นเด็กแสบแค่เป็นเด็กซน ที่ขี้สงสัย และเป็นคนช่างจินตนาการ ก่อนจะเล่าเหตุการณ์หนึ่งว่า หมู่บ้านที่เขาอยู่เป็นหมู่บ้านปิด และในหมู่บ้านมีสนามเด็กเล่น ซึ่งเขากับเพื่อนชอบไปเล่นกันบ่อยๆ โดยข้างๆ สนามเด็กเล่นจะมีห้องไฟฟ้าของหมู่บ้าน
“มีวันหนึ่งผมอยากเล่นเป็นสายลับ อย่าง เจมส์ บอนด์ แล้วเข้าไปในนั้นเหมือนเข้าไปทำภารกิจขโมยข้อมูลลับสุดยอด ระเบิดนิวเคลียร์บ้าบออะไรประมาณนี้ เข้าไปก็เข้าไปกดๆ แล้วเพื่อนผมไปกดโดนอะไรก็ไม่รู้ อยู่ๆ ไฟในห้องนั้นมันดับ ด้วยความเป็นเด็กเราก็กรี๊ด แล้วก็วิ่งกันออกมา ซึ่งพอวิ่งออกมาข้างนอกเลยได้รู้ว่าไฟข้างนอกก็ดับหมด ไฟถนน ไฟในบ้าน ดับหมดเลย เพิ่งรู้ว่าทำไฟดับทั้งหมู่บ้าน เลยรีบวิ่งกลับบ้าน แล้วแยกย้าย แล้วก็กรี๊ด แล้วก็กลัวมากว่ายามจะมาจับ กลัวว่าจะเข้าคุกไหม (หัวเราะ) กลัวจริงๆ กลัวจนจะร้องไห้ แต่ก็ไม่ได้มีอะไร แป๊บหนึ่งไฟก็กลับมา”
ไอซ์ยังเล่าถึงความแสบของตัวเองเพิ่มอีกว่า ตอนเด็กๆ เขากับพี่สาวอยู่กันคนละโรงเรียน แล้วพ่อและแม่จะต้องไปส่งพี่สาวที่โรงเรียนก่อนเขา ในบางครั้งพี่สาวแต่งตัวช้า เพราะความเป็นผู้หญิง ทำให้เขาไปโรงเรียนสาย ทำให้ทุกครั้งที่ไปถึงโรงเรียนสาย และมีคุณครูดักรอเด็กที่มาสาย เพื่อลงโทษ เขาเลยคิดแผนว่า เขาจะยังไม่เข้าโรงเรียน จนกว่าคุณครูจะเดินกลับเข้าไป แล้วเขาถึงจะเข้าโรงเรียน เพื่อจะได้ไม่ถูกทำโทษ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดี
“แต่ผมก็มีความฉลาดในทางที่ดีนะ เพราะผมเคยสอบวิชาฟิสิกส์ได้ท็อป คือคะแนนเต็ม 10 ผมได้ 9.5 เพื่อนที่ตอนนี้เป็นหมอ ยังตกใจเลย คือตอนนั้นพราวมาก แต่ก็แค่ครั้งเดียวนะ (หัวเราะ)”
แต่ชีวิตของเด็กผู้ชายแสบ ซน ที่สนุกสนานไปวันๆ ก็ต้องเปลี่ยนไปในวัย 17 ปี เมื่อคุณพ่อของไอซ์มาจากไป ทำให้เขาซึ่งเป็นลูกชายคนเดียว และเป็นผู้ชายคนเดียวของบ้าน ต้องลุกมามองหาเป้าหมายในชีวิต เพื่อดูแลและพี่สาว
“ก่อนหน้านี้เราเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่อยากจะเล่นซนไปวันๆ พอโตขึ้นก็อยากแค่จะนั่งเล่นเกมส์อยากชิลๆ ไม่อยากทำอะไรมาก ไม่ได้มีอะไรที่อยากทำในชีวิต ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรในชีวิตขนาดนั้น จนคุณพ่อเสียเลยรู้สึกว่าทำไมชีวิตมันสั้นจัง ตอนนั้นผมอยู่ ม.5 อายุประมาณ 17 ปี เรารู้จักพ่อมา 17 ปีเอง แป๊บเดียวเอง สั้นมาก พ่อไปแล้ว ไม่เจอกันอีกแล้ว เราเลยรู้สึกว่าน่ากลัว
เราเป็นคนกลัวความตายแต่แรกอยู่แล้ว เราไม่รู้ว่าตายแล้วไปไหน หรือตายแล้วเกิดอะไรขึ้น และมาคิดอีกทีว่า หรือว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่า คือการที่เราไม่ได้ใช้ชีวิต ในตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราต้องทำอะไรที่เราอยากทำจริงๆ รู้สึกว่ามีแรงผลักดัน อยากทำจริงๆ แล้วพอคุณพ่อเสียก็เห็นคุณแม่ทำงาน ซึ่งมันขัดกับสายตาเรา เพราะคุณแม่เลิกทำงานตอนมีผม ทำให้ผมไม่เคยเห็นคุณแม่ทำงานมาก่อนในชีวิต ผมเลยรู้สึกว่ามันไม่ใช่ มันดูผิด แล้วเขาก็ดูไม่แฮปปี้ด้วย ผมเลยรู้สึกว่ามันไม่ได้แล้ว เดี๋ยวผมจะทำงานเอง แต่ถ้าเกิดจะทำต้องทำอะไรที่เราชอบ เพราะเราก็กลัวการที่ไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนกัน เราชอบฟังเพลง ชอบดูหนัง ผมเลยทำ 2 อย่างนี้มาเรื่อยๆ”
จากเด็กผู้ชายธรรมดา ก้าวเข้ามาเป็นหัวหน้าครอบครัว ความกดดันในคำคำนี้ ทำให้ไอซ์ไม่ชอบในตอนแรก
“ผมไม่ชอบคำนั้นเลยนะ ทำไมต้องมากดดันเด็กคนหนึ่งขนาดนั้นด้วย ต้องกลายเป็นผู้นำของบ้านเลยเหรอ ก็อยากช่วยได้ประมาณหนึ่งเท่าที่เราทำได้ แต่พอตอนหลังก็รู้สึกว่า โอเค รู้สึกดี รู้สึกภูมิใจเหมือนกันที่จริงๆ แล้วเราก็ทำได้ รู้สึกมีความสุขที่ได้ทำให้แม่มากกว่า ผมรู้สึกมีความสุขในการทำให้คนอื่นมากกว่าทำให้ตัวเอง การได้เห็นความสุขดีกว่ารู้สึกเอง”.
คลิก https://nineentertain.mcot.net/exclusive-talk-1832140