ตั้งกรรมการตรวจสอบเหตุทิ้งร่างชายวัย 68 คารถ

กรุงเทพฯ 12 ส.ค. – บก.ทล. ตั้งกรรมการตรวจสอบเหตุทิ้งร่างชายวัย 68 ปี คารถ หลังเกิดอุบัติเหตุนาน 12 ชั่วโมง ด้านพนักงานสอบสวนยอมรับไปไม่ถึงที่เกิดเหตุ หมอนิติเวชชี้ผู้บาดเจ็บกระดูกรามหน้าอกมีการช้ำของเยื่อหุ้มหัวใจ โอกาสรอดน้อย


จากกรณีนายภัทรชัย อายุ 68 ปี ประสบอุบัติเหตุรถเก๋งเสียหลักพุ่งชนข้างทางอย่างแรง บนถนนมอเตอร์เวย์ ฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าพัทยา ส่งผลให้กระโปรงหน้ารถพังยับ และมีการเก็บกู้ซากรถออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ ต่อมาว่าพบศพติดอยู่ในซากรถ ชายคนดังกล่าวถูกปล่อยร่างทิ้งไว้ในรถนาน 12 ชั่วโมง เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา

พลตำรวจตรีเอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง นายธน วงศ์ธนากิจเจริญ ผู้แทนจากกรมทางหลวง ตำรวจทางหลวงมอเตอร์เวย์ เจ้าหน้าที่กู้ภัย แถลงชี้แจงกรณีไม่พบศพในรถยนต์ หลังประสบอุบัติเหตุบนมอเตอร์เวย์ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม


พลตำรวจตรีเอกราช กล่าวแสดงความเสียใจต่อญาติผู้เสียชีวิต พร้อมรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเปิดเผยว่า จากรณีเหตุดังกล่าวได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวแล้ว หากพบใครเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีทั้งทางวินัยและอาญา ย้ำทางกู้ภัย กรมทางหลวง มีขั้นตอนการปฏิบัติงาน และ พฐ. ตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบร่องรอยเฉี่ยวชนกับรถคันอื่น ส่วนที่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับกองบังคับการตำรวจทางหลวง ก็เป็นสิทธิของญาติ ให้เป็นไปตามขั้นตอน

ด้านพันตำรวจโทรัตพล วรรณ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ยอมรับไม่ได้ไปไม่ถึงที่เกิดเหตุ โดยได้รับรายงานว่าไม่พบผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และคู่กรณี โดยได้ดูคลิปที่เกิดเหตุที่ส่งมาทางไลน์ และขอ CCTV ตรวจสอบ จึงได้ให้เคลื่อนย้ายรถเพื่อไม่ให้กีดขวางจราจร ย้ำมีความเชื่อมั่นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งตนได้ไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลวิภาราม บริเวณใกล้เคียง แต่ไม่พบผู้บาดเจ็บ จึงคาดว่าญาติจะมาติดตาม จนเวลาผ่านไปนานจึงเข้าตรวจสอบเอกสารที่รถ จึงพบร่างนายภัทรชัย

ขณะที่นายภาสกร เจ้าหน้าที่กู้ภัย เล่าว่า เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุตั้งใจพยายามเข้าตรวจสอบเหตุให้เร็วที่สุด ประมาณไม่เกิน 5 นาที โดยมองผ่านช่องซ้าย มองเข้าไปไม่พบผู้ขับขี่ ไม่พบสัญญาณขอความช่วยเหลือ ไม่พบคราบเลือด และทรัพย์สินฝั่งคนขับเท่านั้น ซึ่งอุบัติเหตุที่เคยเจอมาหากมีการชน ผู้ขับขี่จะฟุบไปด้านหน้าพวงมาลัย หรือเอนไปด้านหลัง ยอมรับมองไม่เห็นจริงๆ ไม่ใช่ตนเพียงคนเดียว แต่ในที่เกิดเหตุมีผู้ร่วมตรวจดู 6 คน ใช้เวลาสักพัก ซึ่งพยายามมองโซนนั่ง ดูกระจกหลัง รวมถึงไปเปิดประตูด้านหลังก็ไม่พบ


ส่วนทำไมไม่ตรวจสอบด้านขวาคนขับ เพราะจะไม่ต้องการไปยุ่งกับทรัพย์สิน เนื่องจากเคยมีการร้องเรียนเรื่องทรัพย์สินสูญหาย จึงคิดว่าอาจมีผู้หวังดีพาผู้บาดเจ็บไปโรงพยาบาล เมื่อมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยอีกชุดมาถามจึงแจ้งว่าไม่พบผู้ขับขี่ เหมือนบางเคสที่ผ่านมา รู้สึกเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกผิดที่ไม่สามารถเจอคุณลุงได้ในขณะนั้น พร้อมน้อมรับสิ่งที่สังคมวิจารณ์ ยืนยันปฏิบัติหน้าที่ตามกฎเกณฑ์

พันตำรวจเอกนายแพทย์ปกรณ์ วะศินรัตน์ ผู้แทนสถาบันนิติเวชวิทยา เปิดเผยว่า จากการผ่าพิสูจน์พบว่าศพมีรูปร่างสันทัด ไม่อ้วน ไม่ผอม สาเหตุหลักๆ กระดูกซี่โครงหักทั้งสองข้างหลายซี่ รวมถึงกระดูกรามหน้าอกมีการช้ำของเยื่อหุ้มหัวใจ บริเวณขั้วหัวใจที่เชื่อมต่อกับเส้นเลือดแดงใหญ่ ทำให้มีเลือดออกปริมาณมาก ซึ่งพบได้บ่อยในอุบัติเหตุที่เกิดจากการลดความเร็วอย่างรวดเร็วและมีแรงเหวี่ยง และตรวจไม่พบการบาดเจ็บอื่นที่เป็นเหตุให้เสียชีวิตได้ ซึ่งตามทฤษฎี อนุมานจากลักษณะอาการบาดเจ็บที่พบรุนแรง การฉีกขาดของหัวใจ ผู้ประสบเหตุสามารถเสียชีวิตได้ทันทีสูงถึง 80% แต่ไม่สามารถระบุช่วงเวลาหลังเกิดเหตุจะเสียชีวิตได้ภายในกี่นาที ส่วนอีก 20% ที่ไม่เสียชีวิตจะพบผู้บาดเจ็บมีอาการสาหัสมาก ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

นายธน วงศ์ธนากิจเจริญ ผู้แทนจากกรมทางหลวง กล่าวว่า ขณะนี้ได้ติดต่อกับลูกสาวผู้เสียชีวิต และกรมทางหลวงรับผิดชอบเป็นเจ้าภาพจัดงานศพผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ ทางอธิบดีกรมทางหลวงได้สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ทางให้รัดกุมมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบนายกฯ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบ “แพทองธาร” นายกฯ ชื่นชมเป็นคนเก่ง-มองโลกบวก เป็นหน้าตาของประเทศ นำเสนอวัฒนธรรม-ซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านการประกวด พร้อมชวนร่วมงานรัฐบาล สร้างแรงบันดาลใจเด็กๆ ขณะที่ นายกฯ เขินถูกชมว่าตัวจริงสวย

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่