ถอดบทเรียนจากซานติก้าผับถึงเมาน์เทนบี

กรุงเทพฯ 10 ส.ค. – เครือข่ายภาคประชาชนถอดบทเรียนเหตุไฟไหม้สถานบันเทิงจากซานติก้าผับถึงเมาน์เทนบี จี้เอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละละเลยเปิดผับเถื่อน ดันปฏิรูปโครงสร้างระดับจังหวัด ให้ตำรวจขึ้นตรงผู้ว่าฯ เร่งตรวจสอบสถานบันเทิงผิดกฎหมายไม่ให้ซ้ำรอย พร้อมเสนอสร้างกลไกเยียวยาครอบครัวเหยื่อให้เป็นธรรม


เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต  เครือข่ายป้องกันและลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่ง

แวดล้อม ร่วมกันจัดเสวนาหัวข้อ “บทเรียนจากซานติก้าผับถึงเมาน์เทนบี แก้อย่างไรให้ตรงจุด” เพื่อนำเหตุการณ์ไฟไหม้ซานติก้าผับ เมื่อปี 2552 และเหตุการณ์ไฟไหม้เมาน์เทนบีผับ จ.ชลบุรี มาถอดบทเรียน เพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขไม่ให้เกิดซ้ำรอย โดยก่อนเริ่มการเสวนาได้มีการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์สะท้อนถึงปัญหาและความสูญเสียซ้ำรอยจากเหตุไฟไหม้สถานบันเทิง จากนั้นผู้ร่วมงานเสนาได้วางดอกไม้และยืนไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ไฟไหม้เมาน์เทนบีผับ


นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า เหตุการณ์ไฟไหม้สถานบันเทิง เป็นบทเรียนของการประมาทและการละเลยกฎหมาย ซึ่งบางเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ไม่ตรวจสอบธุรกิจเหล่านี้ ปล่อยปละละเลยให้มีการดำเนินกิจการไม่ถูกต้อง และเมื่อเกิดการสูญเสีย ปัญหาก็มักจะตกไปอยู่ที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตที่จะต้องไปฟ้องร้องเรียกค่าเยียวยาจากเจ้าของกิจการ และหลายครั้งพบว่าไม่สามารถยึดทรัพย์ เพื่อนำมาจ่ายชดเชยได้ จึงเสนอว่า หากต้องการเปิดธุรกิจที่มีความเสี่ยง ควรจะต้องมีการวางเงินประกันให้ครอบคลุมจำนวนผู้ที่เข้ามาใช้บริการ ขณะที่การคุ้มครองสิทธิและเยียวยา ต้องมีกลไกที่เกิดขึ้นทันทีหลังเกิดเหตุ โดยผู้สูญเสียไม่ต้องไปฟ้องร้องดำเนินคดี และขอให้หน่วยงานภาครัฐต้องเปิดเผยข้อมูลการจดทะเบียนขออนุญาตเปิดกิจการ และสถานประกอบการต้องมีป้ายแสดงให้ชัดเจนว่าได้ดำเนินการขออนุญาตทุกขั้นตอนอย่างถูกต้อง

นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้สถานบันเทิง การชดเชยครอบครัวผู้สูญเสียเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเกิดขึ้นทันที เพราะบางครอบครัวต้องขาดกำลังหลัก และไม่ควรพูดถึงแค่การชดเชยเฉพาะหน้าเท่านั้น แต่จะต้องเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตให้ได้รับความเป็นธรรมที่สุด ยกตัวอย่างกรณีศึกษาเหตุไฟไหม้โรงงานเคเดอร์ เมื่อปี 2536 และโรงงานลำไยระเบิด เมื่อปี 2542 มีการต่อสู้เรียกร้องให้ชดเชยครอบครัวผู้สูญเสียต่อรัฐบาล ใช้เวลานานกว่า 6 เดือน จึงมีมติจ่ายชดเชยให้ผู้เสียชีวิต รายละ 200,000 บาท เมื่อเทียบเคียงกรณีเมาน์เทนบีผับ ที่มีการเยียวยาผู้เสียชีวิต รายละ 50,000 บาท ถือว่าไม่เพียงพอกับความสูญเสีย หากเทียบกับอัตราเงินเฟ้อปัจจุบัน แต่ละครอบครัวควรจะได้รับการชดเชยไม่ต่ำกว่าล้านบาท โดยหน่วยงานของรัฐและภาคประชาชนต้องเป็นตัวกลางร่วมกันปฏิรูป หรือออกกฎหมายให้นายทุน เจ้าของกิจการ ต้องรับผิดชอบชดเชยให้กับผู้สูญเสีย

ว่าที่ ร.ต.สมชาย อามีน เลขาธิการสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่งแวดล้อม ตั้งข้อสังเกตว่า ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี มีโซนนิ่งที่อนุญาตให้เปิดสถานบันเทิงลักษณะนี้ได้เพียง 2 อำเภอ คือ พัทยาและบางละมุง ดังนั้น การเปิดสถานบันเทิงในพื้นที่อำเภอสัตหีบ ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง มีการดัดแปลงอาคารเพื่อประกอบกิจการ หน่วยงานรัฐในพื้นที่ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากขาดการบูรณาการในการบังคับใช้กฎหมาย ปล่อยปละละเลยจนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น จึงเสนอให้คดีนี้เป็นตัวอย่างที่จะต้องเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ และยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวน และจะต้องเร่งออกตรวจสอบจับกุมสถานบันเทิงที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นอีก


ขณะที่ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเมาน์เทนบี และซานติก้า เป็นความสูญเสียซ้ำซาก แต่ที่ต่างกัน คือ เมาน์เทนบี ถือเป็นผับเถื่อนตั้งแต่ต้น ซึ่งมีสถานบันเทิงลักษณะนี้อยู่ทั่วประเทศ และเมาน์เทนบีอาจไม่ใช่ที่สุดท้าย เพราะหากไม่มีเหตุไฟไหม้ก็คงไม่มีใครทราบ และคงจะเปิดบริการต่อไป ขณะที่คนในพื้นที่ต่างรู้ว่า เมาน์เทนบีเปิดเป็นสถานบันเทิง แต่เจ้าหน้าที่รัฐกลับไม่ทราบ สะท้อนถึงปัญหาในกระบวนการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่ไม่เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งระยะยาวจะต้องมีการปฏิรูปโครงสร้างการบริหารราชการในภูมิภาค ให้ตำรวจต้องขึ้นกับผู้ว่าราชการจังหวัดในการควบคุมสั่งการ เพราะที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ เป็นผู้อนุญาตให้เปิดสถานบันเทิงในพื้นที่ แต่การเข้าไปตรวจสอบการทำผิดกฎหมาย เป็นหน้าที่ตำรวจ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” ถกต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์ ดัน 5 ยุทธศาสตร์

บ้านพิษณุโลก 14 ก.ค.- “แพทองธาร” เข้าบ้านพิษณุโลก หารือบีโอไอ – ทีมซอฟต์พาวเวอร์ไทย หนุนลงทุน พร้อมต่อยอด ดัน 5 ยุทธศาสตร์ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางเข้าบ้านพิษณุโลก ในเวลา 09.50 น. เพื่อประชุมกับทีมที่ปรึกษาและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI รวมถึงหน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับและขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ไทยแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะเป็นการหารือต่อยอดจากที่นางสาวแพทองธาร ได้ประกาศเดินหน้ายุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ไทย 5 ด้าน ทั้ง อาหารไทย มวยไทย ไทยเวลเน็ต ภาพยนต์ไทย และอัญมนี บนเวที Splash Softpower Forum 2025 ที่จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เมื่อวันที่ 8-11 ก.ค. ที่ผ่านมา .-316 -สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 14 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร […]

พระปรางค์วัดอรุณ

ข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.- “แพทองธาร” เผยข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลกของยูเนสโกแล้ว นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “ข่าวดีของคนไทย “พระปรางค์วัดอรุณ ราชวรารามราชวรมหาวิหาร” ได้รับการบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก (Tentative List) ของยูเนสโกแล้วค่ะ ดิฉันได้รับรายงานจากคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ กรุงปารีส แจ้งว่า ที่ประชุมได้รับทราบว่าพระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นหนึ่งในรายชื่อบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการยกระดับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ในอนาคต กระทรวงวัฒนธรรมมอบหมายให้กรมศิลปากรดำเนินการจัดทำเอกสารเสนอชื่อ (Nomination Dossier) ควบคู่กับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และจัดการพื้นที่ตามหลักสากล เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ขั้นตอนต่อไป ความคืบหน้านี้เป็นมากกว่าการอนุรักษ์สถานที่ แต่คือการยืนยันอัตลักษณ์ไทยที่งดงามและทรงคุณค่าในสายตาชาวโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่นี้” .-316 สำนักข่าวไทย

ตรวจสอบรายรับรายจ่ายวัดใหญ่จอมปราสาท

สมุทรสาคร 13 ก.ค. – เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรายรับรายจ่ายของวัดใหญ่จอมปราสาท นำมาเทียบกับเส้นเงินของของเจ้าอาวาสที่หนีไป หลังตรวจพบโอนเงินให้สีกา ก. กว่า 1 ล้านบาท ที่วัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นำคณะเข้าพบ พระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงษ์ คณะพระสงฆ์ (พระลูกวัด) วัดใหญ่จอมปราสาท ผู้นำชุมชน และคณะกรรมการวัด เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ระบบการเงินในวัดใหญ่จอมปราสาท เพื่อนำไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ตรวจพบว่าได้โอนเงินกว่า 1 ล้านบาทไปให้สีกา ก. แต่ยังไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ประเด็นที่ต้องการทราบเพิ่มเติมคือ เงินที่โอนให้สีกาเป็นเงินส่วนไหน แล้วเงินวัดมีรายรับจากที่ใดบ้าง มีรายจ่ายอย่างไร รวมถึง เงินวัดนั้นเข้าบัญชีใคร มีไวยาวัจกรณ์เบิกจ่ายหรือไม่ หรือใครเป็นผู้ทำหน้าที่รับและเบิกจ่ายเงินทั้งหมด ผู้ใหญ่บ้านชี้แจงว่า ทางวัดยังไม่มีไวยาวัจกรวัดคนใหม่ หลังจากคนเก่าลาออกไปเล่นการเมืองท้องถิ่น ส่วนเงินวัดนั้นเจ้าอาวาสเป็นผู้บริหารแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเงินวัดก็จะมีรายรับมาจากให้ที่จอดเรือบริเวณหน้าวัด ประมาณเดือนละ […]