ถอดบทเรียนจากซานติก้าผับถึงเมาน์เทนบี

กรุงเทพฯ 10 ส.ค. – เครือข่ายภาคประชาชนถอดบทเรียนเหตุไฟไหม้สถานบันเทิงจากซานติก้าผับถึงเมาน์เทนบี จี้เอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละละเลยเปิดผับเถื่อน ดันปฏิรูปโครงสร้างระดับจังหวัด ให้ตำรวจขึ้นตรงผู้ว่าฯ เร่งตรวจสอบสถานบันเทิงผิดกฎหมายไม่ให้ซ้ำรอย พร้อมเสนอสร้างกลไกเยียวยาครอบครัวเหยื่อให้เป็นธรรม


เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต  เครือข่ายป้องกันและลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่ง

แวดล้อม ร่วมกันจัดเสวนาหัวข้อ “บทเรียนจากซานติก้าผับถึงเมาน์เทนบี แก้อย่างไรให้ตรงจุด” เพื่อนำเหตุการณ์ไฟไหม้ซานติก้าผับ เมื่อปี 2552 และเหตุการณ์ไฟไหม้เมาน์เทนบีผับ จ.ชลบุรี มาถอดบทเรียน เพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขไม่ให้เกิดซ้ำรอย โดยก่อนเริ่มการเสวนาได้มีการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์สะท้อนถึงปัญหาและความสูญเสียซ้ำรอยจากเหตุไฟไหม้สถานบันเทิง จากนั้นผู้ร่วมงานเสนาได้วางดอกไม้และยืนไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ไฟไหม้เมาน์เทนบีผับ


นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า เหตุการณ์ไฟไหม้สถานบันเทิง เป็นบทเรียนของการประมาทและการละเลยกฎหมาย ซึ่งบางเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ไม่ตรวจสอบธุรกิจเหล่านี้ ปล่อยปละละเลยให้มีการดำเนินกิจการไม่ถูกต้อง และเมื่อเกิดการสูญเสีย ปัญหาก็มักจะตกไปอยู่ที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตที่จะต้องไปฟ้องร้องเรียกค่าเยียวยาจากเจ้าของกิจการ และหลายครั้งพบว่าไม่สามารถยึดทรัพย์ เพื่อนำมาจ่ายชดเชยได้ จึงเสนอว่า หากต้องการเปิดธุรกิจที่มีความเสี่ยง ควรจะต้องมีการวางเงินประกันให้ครอบคลุมจำนวนผู้ที่เข้ามาใช้บริการ ขณะที่การคุ้มครองสิทธิและเยียวยา ต้องมีกลไกที่เกิดขึ้นทันทีหลังเกิดเหตุ โดยผู้สูญเสียไม่ต้องไปฟ้องร้องดำเนินคดี และขอให้หน่วยงานภาครัฐต้องเปิดเผยข้อมูลการจดทะเบียนขออนุญาตเปิดกิจการ และสถานประกอบการต้องมีป้ายแสดงให้ชัดเจนว่าได้ดำเนินการขออนุญาตทุกขั้นตอนอย่างถูกต้อง

นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้สถานบันเทิง การชดเชยครอบครัวผู้สูญเสียเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเกิดขึ้นทันที เพราะบางครอบครัวต้องขาดกำลังหลัก และไม่ควรพูดถึงแค่การชดเชยเฉพาะหน้าเท่านั้น แต่จะต้องเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตให้ได้รับความเป็นธรรมที่สุด ยกตัวอย่างกรณีศึกษาเหตุไฟไหม้โรงงานเคเดอร์ เมื่อปี 2536 และโรงงานลำไยระเบิด เมื่อปี 2542 มีการต่อสู้เรียกร้องให้ชดเชยครอบครัวผู้สูญเสียต่อรัฐบาล ใช้เวลานานกว่า 6 เดือน จึงมีมติจ่ายชดเชยให้ผู้เสียชีวิต รายละ 200,000 บาท เมื่อเทียบเคียงกรณีเมาน์เทนบีผับ ที่มีการเยียวยาผู้เสียชีวิต รายละ 50,000 บาท ถือว่าไม่เพียงพอกับความสูญเสีย หากเทียบกับอัตราเงินเฟ้อปัจจุบัน แต่ละครอบครัวควรจะได้รับการชดเชยไม่ต่ำกว่าล้านบาท โดยหน่วยงานของรัฐและภาคประชาชนต้องเป็นตัวกลางร่วมกันปฏิรูป หรือออกกฎหมายให้นายทุน เจ้าของกิจการ ต้องรับผิดชอบชดเชยให้กับผู้สูญเสีย

ว่าที่ ร.ต.สมชาย อามีน เลขาธิการสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่งแวดล้อม ตั้งข้อสังเกตว่า ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี มีโซนนิ่งที่อนุญาตให้เปิดสถานบันเทิงลักษณะนี้ได้เพียง 2 อำเภอ คือ พัทยาและบางละมุง ดังนั้น การเปิดสถานบันเทิงในพื้นที่อำเภอสัตหีบ ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง มีการดัดแปลงอาคารเพื่อประกอบกิจการ หน่วยงานรัฐในพื้นที่ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากขาดการบูรณาการในการบังคับใช้กฎหมาย ปล่อยปละละเลยจนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น จึงเสนอให้คดีนี้เป็นตัวอย่างที่จะต้องเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ และยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวน และจะต้องเร่งออกตรวจสอบจับกุมสถานบันเทิงที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นอีก


ขณะที่ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเมาน์เทนบี และซานติก้า เป็นความสูญเสียซ้ำซาก แต่ที่ต่างกัน คือ เมาน์เทนบี ถือเป็นผับเถื่อนตั้งแต่ต้น ซึ่งมีสถานบันเทิงลักษณะนี้อยู่ทั่วประเทศ และเมาน์เทนบีอาจไม่ใช่ที่สุดท้าย เพราะหากไม่มีเหตุไฟไหม้ก็คงไม่มีใครทราบ และคงจะเปิดบริการต่อไป ขณะที่คนในพื้นที่ต่างรู้ว่า เมาน์เทนบีเปิดเป็นสถานบันเทิง แต่เจ้าหน้าที่รัฐกลับไม่ทราบ สะท้อนถึงปัญหาในกระบวนการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่ไม่เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งระยะยาวจะต้องมีการปฏิรูปโครงสร้างการบริหารราชการในภูมิภาค ให้ตำรวจต้องขึ้นกับผู้ว่าราชการจังหวัดในการควบคุมสั่งการ เพราะที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ เป็นผู้อนุญาตให้เปิดสถานบันเทิงในพื้นที่ แต่การเข้าไปตรวจสอบการทำผิดกฎหมาย เป็นหน้าที่ตำรวจ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก