ถอดบทเรียนจากซานติก้าผับถึงเมาน์เทนบี

กรุงเทพฯ 10 ส.ค. – เครือข่ายภาคประชาชนถอดบทเรียนเหตุไฟไหม้สถานบันเทิงจากซานติก้าผับถึงเมาน์เทนบี จี้เอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละละเลยเปิดผับเถื่อน ดันปฏิรูปโครงสร้างระดับจังหวัด ให้ตำรวจขึ้นตรงผู้ว่าฯ เร่งตรวจสอบสถานบันเทิงผิดกฎหมายไม่ให้ซ้ำรอย พร้อมเสนอสร้างกลไกเยียวยาครอบครัวเหยื่อให้เป็นธรรม


เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต  เครือข่ายป้องกันและลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่ง

แวดล้อม ร่วมกันจัดเสวนาหัวข้อ “บทเรียนจากซานติก้าผับถึงเมาน์เทนบี แก้อย่างไรให้ตรงจุด” เพื่อนำเหตุการณ์ไฟไหม้ซานติก้าผับ เมื่อปี 2552 และเหตุการณ์ไฟไหม้เมาน์เทนบีผับ จ.ชลบุรี มาถอดบทเรียน เพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขไม่ให้เกิดซ้ำรอย โดยก่อนเริ่มการเสวนาได้มีการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์สะท้อนถึงปัญหาและความสูญเสียซ้ำรอยจากเหตุไฟไหม้สถานบันเทิง จากนั้นผู้ร่วมงานเสนาได้วางดอกไม้และยืนไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ไฟไหม้เมาน์เทนบีผับ


นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า เหตุการณ์ไฟไหม้สถานบันเทิง เป็นบทเรียนของการประมาทและการละเลยกฎหมาย ซึ่งบางเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ไม่ตรวจสอบธุรกิจเหล่านี้ ปล่อยปละละเลยให้มีการดำเนินกิจการไม่ถูกต้อง และเมื่อเกิดการสูญเสีย ปัญหาก็มักจะตกไปอยู่ที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตที่จะต้องไปฟ้องร้องเรียกค่าเยียวยาจากเจ้าของกิจการ และหลายครั้งพบว่าไม่สามารถยึดทรัพย์ เพื่อนำมาจ่ายชดเชยได้ จึงเสนอว่า หากต้องการเปิดธุรกิจที่มีความเสี่ยง ควรจะต้องมีการวางเงินประกันให้ครอบคลุมจำนวนผู้ที่เข้ามาใช้บริการ ขณะที่การคุ้มครองสิทธิและเยียวยา ต้องมีกลไกที่เกิดขึ้นทันทีหลังเกิดเหตุ โดยผู้สูญเสียไม่ต้องไปฟ้องร้องดำเนินคดี และขอให้หน่วยงานภาครัฐต้องเปิดเผยข้อมูลการจดทะเบียนขออนุญาตเปิดกิจการ และสถานประกอบการต้องมีป้ายแสดงให้ชัดเจนว่าได้ดำเนินการขออนุญาตทุกขั้นตอนอย่างถูกต้อง

นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้สถานบันเทิง การชดเชยครอบครัวผู้สูญเสียเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเกิดขึ้นทันที เพราะบางครอบครัวต้องขาดกำลังหลัก และไม่ควรพูดถึงแค่การชดเชยเฉพาะหน้าเท่านั้น แต่จะต้องเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตให้ได้รับความเป็นธรรมที่สุด ยกตัวอย่างกรณีศึกษาเหตุไฟไหม้โรงงานเคเดอร์ เมื่อปี 2536 และโรงงานลำไยระเบิด เมื่อปี 2542 มีการต่อสู้เรียกร้องให้ชดเชยครอบครัวผู้สูญเสียต่อรัฐบาล ใช้เวลานานกว่า 6 เดือน จึงมีมติจ่ายชดเชยให้ผู้เสียชีวิต รายละ 200,000 บาท เมื่อเทียบเคียงกรณีเมาน์เทนบีผับ ที่มีการเยียวยาผู้เสียชีวิต รายละ 50,000 บาท ถือว่าไม่เพียงพอกับความสูญเสีย หากเทียบกับอัตราเงินเฟ้อปัจจุบัน แต่ละครอบครัวควรจะได้รับการชดเชยไม่ต่ำกว่าล้านบาท โดยหน่วยงานของรัฐและภาคประชาชนต้องเป็นตัวกลางร่วมกันปฏิรูป หรือออกกฎหมายให้นายทุน เจ้าของกิจการ ต้องรับผิดชอบชดเชยให้กับผู้สูญเสีย

ว่าที่ ร.ต.สมชาย อามีน เลขาธิการสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่งแวดล้อม ตั้งข้อสังเกตว่า ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี มีโซนนิ่งที่อนุญาตให้เปิดสถานบันเทิงลักษณะนี้ได้เพียง 2 อำเภอ คือ พัทยาและบางละมุง ดังนั้น การเปิดสถานบันเทิงในพื้นที่อำเภอสัตหีบ ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง มีการดัดแปลงอาคารเพื่อประกอบกิจการ หน่วยงานรัฐในพื้นที่ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากขาดการบูรณาการในการบังคับใช้กฎหมาย ปล่อยปละละเลยจนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น จึงเสนอให้คดีนี้เป็นตัวอย่างที่จะต้องเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ และยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวน และจะต้องเร่งออกตรวจสอบจับกุมสถานบันเทิงที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นอีก


ขณะที่ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเมาน์เทนบี และซานติก้า เป็นความสูญเสียซ้ำซาก แต่ที่ต่างกัน คือ เมาน์เทนบี ถือเป็นผับเถื่อนตั้งแต่ต้น ซึ่งมีสถานบันเทิงลักษณะนี้อยู่ทั่วประเทศ และเมาน์เทนบีอาจไม่ใช่ที่สุดท้าย เพราะหากไม่มีเหตุไฟไหม้ก็คงไม่มีใครทราบ และคงจะเปิดบริการต่อไป ขณะที่คนในพื้นที่ต่างรู้ว่า เมาน์เทนบีเปิดเป็นสถานบันเทิง แต่เจ้าหน้าที่รัฐกลับไม่ทราบ สะท้อนถึงปัญหาในกระบวนการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่ไม่เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งระยะยาวจะต้องมีการปฏิรูปโครงสร้างการบริหารราชการในภูมิภาค ให้ตำรวจต้องขึ้นกับผู้ว่าราชการจังหวัดในการควบคุมสั่งการ เพราะที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ เป็นผู้อนุญาตให้เปิดสถานบันเทิงในพื้นที่ แต่การเข้าไปตรวจสอบการทำผิดกฎหมาย เป็นหน้าที่ตำรวจ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. แต่งตั้งนายพล 250 ตำแหน่ง

1 ก.ย. – เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. บัญชีแต่งตั้งนายพลตำรวจ 250 ตำแหน่ง “บิ๊กเต่า” แห้ว “นพศิลป์” ได้ขึ้น พล.ต.ท. เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (รองประธาน ก.ตร.) เป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 8/2568 วาระแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ถึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ประจำปี 2568 โดยแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และโยกย้ายสับเปลี่ยน กว่า 250 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ก.ตร.ครบองค์ประชุม ขาดเพียงนายภูมิธรรม […]

“บิ๊กเต่า” ยอมรับมีอดีต ผอ.พศ.-ตลกดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทนอดีตพระอลงกต

กรุงเทพฯ 1 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” ยอมรับมีอดีต ผอ.พศ.-ตลกชื่อดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทน “อดีตพระอลงกต” ส่วน “สมปอง” ยังอยู่ในข่ายถูกดำเนินคดี แม้อ้างว่าเป็นการยืมเงินและคืนไปบางส่วนแล้ว ขณะที่วง “พิงค์แพนเตอร์” ประสานเข้าพบตำรวจเร็วๆ นี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนคดี “อลงกตการละคร” ระบุว่า คดีมีความคืบหน้าไปพอสมควร และมีตัวละครที่สามารถดำเนินคดีได้หลายคน แต่ตำรวจต้องการพยานหลักฐานมาประกอบข้อมูลตรงนี้ให้ชัดเจนมากขึ้นก่อน ซึ่งตอนนี้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามทยอยเรียกสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องมากขึ้นเรื่อย ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบขยายผลเส้นทางการเงินและทรัพย์สิน โดยเฉพาะประเด็นที่มีคนใกล้ชิด อักษรย่อ นางสาว ว. ถือครองโฉนดที่ดินมูลค่ารวม 140 ล้านบาทนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่าตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบบุคคลเกี่ยวข้องทั้งหมด โดยในจำนวนนั้นยอมรับว่ามีอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และตลกชื่อดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทน “อดีตพระอลงกต” ด้วย โดยทั้งคู่มีพฤติกรรมคล้ายๆ กัน คือ เข้าไปหาผลประโยชน์ และไม่ใช่เพียงผลประโยชน์จากเงินวัดก้อนเดียว แต่หาผลประโยชน์จากกลุ่มเครือข่ายด้วย ซึ่งมีมูลค่าเงินจำนวนมาก และทางอดีตพระอลงกต ก็มองว่าตนเองถูกรังแก ถูกโกงเงินไป ทั้งเรื่องคอนเสิร์ต เรื่องที่ดิน และถือครองทรัพย์สินแทน […]

พรรคกล้าธรรม ออกแถลงการณ์โหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ

พรรคกล้าธรรม 30 ส.ค.-พรรคกล้าธรรม ออกแถลงการณ์ โหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ ชี้ปล่อยให้ประเทศเกิดสุญญากาศไม่ได้ เผยภูมิใจไทยรับข้อเสนอ แก้ กม.ต้องไม่กระทบสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อเวลา 15.55 น. พรรคกล้าธรรม (กธ.) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรี จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ และจะต้องมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ต่อไปว่า คณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ได้ร่วมกันพิจารณารับฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรคทุกท่าน เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินการของพรรค รวมถึงพิจารณาข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทย โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า พรรคกล้าธรรม จะลงมติในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สนับสนุนให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เนื่องด้วยสถานการณ์ของประเทศไทยขณะนี้ จำเป็นที่จะต้องมีฝ่ายบริหารมาขับเคลื่อนและแก้ปัญหาให้กับประชาชนในทุกด้าน ทั้ง ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ ปัญหาสังคมด้านต่าง ๆ อย่างเร่งด่วน โดยไม่สามารถประวิงเวลาไปได้อีก พรรคกล้าธรรม ได้แสดงจุดยืนของพรรคให้กับพรรคภูมิใจไทยทราบ คือ 1.พรรคกล้าธรรม ยึดถือ […]

“เดชอิศม์” ปิดประตูจับมือ “ภูมิใจไทย” ตั้งรัฐบาล

พรรคประชาธิปัตย์ 31 ส.ค.- “เดชอิศม์” ปิดประตูจับมือ “ภูมิใจไทย” ตั้งรัฐบาล กร้าว ถ้าหนุนก็ไม่เหลือความเป็นคน บอก รัฐประหาร 100 ครั้ง ก็ไม่เลวร้ายเท่าฮั้ว สว. ยกอำนาจให้คนเดียวชี้ขาดประเทศ ย้ำคดีเขากระโดง ต้องเอาผิดให้เด็ดขาด บอก 2-3 เดือน ก็ยุบสภาได้ ไม่ต้องรอ 4 เดือน นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุภายหลังการเจรจากับพรรคประชาชน ที่พรรคร่วมรัฐบาลรับเงื่อนไขทั้งหมดของพรรคประชาชน ว่า จริงๆ เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชน ตนไปเป็นเพื่อนเขา ส่วนประเด็นเป็นเรื่องของทั้งสองพรรคต้องคุยกัน เมื่อถามย้ำว่า หมายถึงพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้รับเงื่อนไขทั้งหมดใช่หรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ปฏิบัติตามเงื่อนไขของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ส่วนจะนำข้อหารือระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน เข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือไม่ นายเดชอิศม์ ยอมรับว่า อาจอยู่ในวาระอื่นๆ เนื่องจากมีวาระสำคัญอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับข้อเสนอของพรรคประชาชนและและข้อเสนอเพิ่มเติมของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเดชอิศม์ ยืนยันว่า […]

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมย่านการค้า อ.หล่มสัก ลดลงต่อเนื่อง สัญจรได้แล้ว

2 ก.ย. – น้ำท่วมย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ลดลงต่อเนื่อง ถนนหลายสายรถสัญจรได้แล้ว ขณะที่ จ.พิษณุโลก น้ำทะลักกัดเซาะถนนขาด ไหลท่วมบ้านเรือน ส่วน จ.แม่ฮ่องสอน น้ำป่าหลาก-ดินโคลนถล่ม เสียชีวิต 1 ราย ระดับน้ำที่ท่วมบ้านเรือน ร้านค้าตามชุมชน และย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ลดลง จากที่เคยท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ลดเหลือ 20-30 เซนติเมตร รวมทั้งบริเวณแยกหอนาฬิกา ซึ่งน้ำท่วมลดลงแต่ยังมีน้ำไหลผ่านอยู่บ้าง และมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ถนนหลายสายรถยนต์สามารถสัญจรไปมาได้แล้ว แต่ถนนบางสายยังปิดการจราจร ป้องกันรถที่วิ่งผ่านทำให้น้ำทะลักเข้าร้านค้า เจ้าของร้านค้าบางส่วนเริ่มสำรวจความเสียหายของข้าวของเครื่องใช้ รวมทั้งสินค้าต่างๆ ที่ถูกน้ำท่วม หลังแม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่าน อ.หล่มสัก ลดลงต่ำกว่าพนังกั้นน้ำราวครึ่งเมตรแล้ว หากไม่มีฝนตกหรือมวลน้ำทางตอนเหนือเติมลงมา คาดว่าน้ำที่ท่วมในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก รวมทั้งบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรใน ต.ตาลเดี่ยว ที่อยู่ทางตอนใต้ จะลดลงเรื่อยๆ และเข้าสู่ภาวะปกติในเร็วๆ นี้ น้ำทะลักตัดถนนขาด ไหลท่วมบ้านเรือนที่ จ.พิษณุโลก น้ำจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ที่หลากลงคลองเนินกุ่ม กัดเซาะถนนบ้านเหนือ ต.เนินกุ่ม […]

ปชน.เสียงแตก! โยน กก.บห.ชี้ขาด 3 ก.ย. โหวตใครนั่งนายกฯ

พรรคประชาชน 2 ก.ย. – ปชน.เสียงแตก! นัด 3 ก.ย. ให้ กก.บห.ชี้ขาด ดัน “อนุทิน” หรือไม่ โหวตเลือกใคร “ปกรณ์วุฒิ” ออกโรงสยบ ยันยังไม่มีมติวันนี้ เป็นเพียงขั้นตอนฟังความเห็น แจงไม่ได้เปลี่ยนตัว “เท้ง” แถลง แต่เพราะเจ้าตัวอยากคุย สส.ต่อ “ไอติม” จี้ “เพื่อไทย” รีบยุบสภา นาฬิกาเดินอยู่ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ลงมาให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม สส.ของพรรค ถึงทิศทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยนายปกรณ์วุฒิ กล่าวยืนยันว่า วันนี้ไม่มีมติ เป็นการรับฟังความเห็น สส. ฟังทุกองคาพยพของพรรค ล่าสุดวานนี้พรรคส่งข้อความให้สมาชิกพรรคทั่วประเทศราว 1 แสนคน ให้ความเห็นต่อการเลือกนายกฯ ณ ตอนนี้มีสมาชิกจำนวนมากให้ความเห็นมาแล้ว ในการประชุมวันนี้ เนื่องจากเมื่อวานมี […]

เพื่อไทยดันเต็มที่ “ชัยเกษม” แคนดิเดตนายกฯ คนสุดท้าย

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ขอบคุณ สส. เพื่อไทย ที่ยังอยู่กับพรรค พร้อมให้กำลังใจ บอกการต่อสู้ตั้งรัฐบาลยังเดินหน้าต่อ ด้านโฆษก เผยที่ประชุม ดัน “ชัยเกษม” แคนดิเดตนายกฯ คนสุดท้ายเต็มที่ ไม่มียกมือหนุนคนอื่น การประชุม สส. ประจำสัปดาห์ของพรรคเพื่อไทย วันนี้ (2 ก.ย.) โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมประชุมกับ สส. พรรคด้วย ซึ่งในครั้งนี้มีนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย มาร่วมประชุมด้วย ภายหลังใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า วันนี้มีสมาชิกเข้าร่วมประชุมเยอะมาก ซึ่งสัปดาห์นี้จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สส.) 3 วัน ซึ่งวันในวันพุธที่ 3 ก.ย. จะประชุมพิจารณากฎหมายร่วมกัน ส่วนวันพฤหัสบดีที่ 4 ก.ย. จะเป็นการรายงานหน่วยงานต่าง ๆ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]