ศาลไม่ให้ประกัน 3 ชาวจีนแก๊งอุ้มรีดทรัพย์นักธุรกิจ

กรุงเทพฯ 30 ก.ค. – ศาลไม่ให้ประกัน 3 ชาวจีนแก๊งอุ้มนักธุรกิจจีน​ ปล้นนาฬิกาหรู 25 ล้านบาท ชี้เกรงผู้ต้องหาหลบหนี


เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2565 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ได้ยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหาสัญชาติจีน 3 ราย รายที่ 1-3 ปล้นนาฬิกาข้อมือ ยี่ห้อหรู มูลค่า 25,000,000 บาท แจ้งข้อกล่าวหามีความผิดฐาน “ร่วมกันเอาตัวบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีไป โดยขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด, หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่, ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น, ร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุอันควร”

สรุปพฤติการณ์ เมื่อวันที่ 27 ก.ค.65 เวลาประมาณ 14.27 น. ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก ควบคุมตัวชายสัญชาติวานูอาตู เชื้อชาติจีน ผู้เสียหาย ขณะอยู่บริเวณที่จอดรถใต้อาคาร แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยพาตัวขึ้นไปบนรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ใช้มีดจี้ผู้เสียหายและพูดข่มขู่ให้โอนเงิน จำนวน 2 ล้านหยวน คิดเป็นเงินไทยจำนวน 10 ล้านบาท แต่ผู้เสียหายไม่ยินยอม ผู้ต้องหาที่ 1-2 จึงร่วมกันใช้เทปกาวพันบริเวณศีรษะของผู้เสียหาย จากนั้นพูดจาข่มขู่ เพื่อบังคับให้ผู้เสียหายส่งมอบนาฬิกาข้อมือ ยี่ห้อริชาร์ด มิลล์ รุ่น 65-01 มูลค่า 25 ล้านบาท และกุญแจรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ 1 ดอก มูลค่า ราคา 500,000 บาท ผู้เสียหายเกิดความกลัว จึงส่งมอบทรัพย์สินให้กับผู้ต้องหาทั้งสามไป จากนั้นผู้ต้องหาทั้งสามได้ปล่อยตัวผู้เสียหายลงจากรถไว้แถวย่าน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี โดยก่อนที่จะปล่อยตัวผู้เสียหายลงจากรถ ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้พูดข่มขู่ว่า “ถ้าไม่โอนเงินให้ภายในคืนนี้ ก็จะมาจับตัวผู้เสียหายพร้อมครอบครัวอีกครั้ง” ภายหลังผู้ต้องหาได้ขับรถหลบหนีไป ผู้เสียหายจึงเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสาม จนกว่าคดีจะถึงที่สุด


ต่อมาเมื่อวันที่ 27 ก.ค. เวลาประมาณ 18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ร่วมกันสืบสวนติดตามพบผู้ต้องหาที่ 3 จึงได้นำภาพดังกล่าวให้ผู้เสียหายดู และให้การยืนยันว่า ผู้เสียหายรู้จักกับบุคคลดังกล่าวจริง โดยเป็นบุคคลที่เคยยืมเงินจากผู้เสียหายไป จำนวน 2 ล้านบาท และไม่ยอมใช้คืนแก่ผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายเชื่อว่า ผู้ต้องหาที่ 3 เป็นผู้ที่ให้ข้อมูลของผู้เสียหายแก่กลุ่มคนร้าย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง บก.ตม.2 สตม. เพื่อติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาไว้ก่อน ในกรณีที่อาจจะนั่งเครื่องบินหลบหนีออกนอกประเทศ

จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.20 น. ของวันที่ 28 ก.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ตรวจสอบพบผู้ต้องหาที่ 3 ได้ผ่านด่าน ตม.ขาออก เพื่อรอขึ้นเครื่องบิน จึงได้ประสานกับสายการบินแห่งหนึ่งจากสนามบินสุวรรณภูมิไปประเทศกาตาร์ เครื่องจะออกบินในเวลา 02.30 น. จึงประสานสายการบินให้ชะลอการบินไว้ก่อน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ปป.บก.ตม.6 ได้ร่วมกันขึ้นไปบนเครื่องบิน เชิญตัวผู้ต้องหาทั้งหมดและขอตรวจค้นตัวบุคคลทั้ง 3 คน จนพบนาฬิกาของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสามส่งพนักงานสอบสวน สน. วังทองหลาง เพื่อสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เหตุเกิดที่อาคาร 1 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. ชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาที่ 1-3 ขอให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาทุกข้อกล่าวหา การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง, 310, 313 (2) (3), 340 วรรคสอง, 340 ตรี, 371 ประกอบมาตรา 83


พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนและควบคุมตัวผู้ต้องหามาโดยตลอด จนครบกำหนดควบคุมตัว 48 ชั่วโมง หากแต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากจะต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 5 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบวัตถุพยานจากกองพิสูจน์หลักฐานกลาง รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร ด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าวข้างต้น จึงขออนุญาตศาลฝากขังผู้ต้องหาไว้ในระหว่างการสอบสวน มีกำหนด 12 วัน นับแต่วันที่ 30 ก.ค.-10 ส.ค.65

ท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนระบุว่า หากผู้ต้องหาทั้งสามยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นศาล พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว ด้วยเหตุที่เป็นคดีมีอัตราโทษสูง และผู้ต้องหาเป็นบุคคลต่างด้าว เกรงว่ามีพฤติการณ์จะหลบหนี ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการฝากขัง โดยศาลอาญาอนุญาตฝากขังผู้ต้องหาชาวจีนทั้ง 3 คนแล้ว ต่อมาผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดรวมกว่า 1 ล้านบาท ขอปล่อยชั่วคราว ศาลอาญาพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีตามคำร้องฝากขังแล้ว เห็นว่า ผู้ต้องหาทั้งสามเป็นบุคคลต่างด้าว ไม่มีภูมิลำเนาในราชอาณาจักร หรือที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ประกอบกับผู้ร้องคัดค้าน กรณีจึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวแล้ว ผู้ต้องหาทั้งสามน่าจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”