ตร.แจงเริ่มใช้มาตรการตัดคะแนนการขับรถ มีผล ม.ค.66

กรุงเทพฯ 19 ก.ค. – ตร.แจงเริ่มใช้มาตรการตัดคะแนนการขับรถ โดยจะใช้บังคับในวันที่ 9 ม.ค.66 เพื่อเป็นการป้องกันและลดอุบัติเหตุ และสร้างวินัยในการขับขี่


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) ชี้แจงหลักเกณฑ์ ระเบียบ วิธีการปฏิบัติ การบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถ และการสั่งพักใช้ใบอนุญาติขับรถ ว่า เพื่อเป็นการป้องกันและลดอุบัติเหตุ ตำรวจได้แก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 ซึ่งมีหลักการสำคัญ เช่น 1. การเพิ่มโทษของผู้ที่กระทำผิดซ้ำข้อหาเมาแล้วขับภายใน 2 ปีนับแต่วันกระทำผิดครั้งแรก ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับตั้งแต่ 50,000-100,000 บาท 2. กำหนดอำนาจในการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดและสารเสพติดในร่างกายของผู้ขับขี่ที่หมดสติซึ่งไม่อาจให้ความยินยอมได้ 3. เพิ่มอัตราโทษปรับขั้นสูงในกฎหมายจราจร จากเดิมโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท แก้ไขเพิ่มเป็นปรับสูงสุดไม่เกิน 4,000 บาท และ 4. การกำหนดให้ใช้ที่นั่งนิรภัยหรือมีวิธีป้องกันอันตรายสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ขณะโดยสารรถยนต์ ซึ่ง ตร.อยู่ระหว่างจัดทำประกาศรูปแบบที่นั่งนิรภัย รวมถึงเปิดช่องทางผ่อนคลายสำหรับประชาชนที่ไม่สามารถจัดหาที่นั่งนิรภัยเด็กไว้ โดยให้ปฏิบัติตามวิธีการป้องกันอันตราย ซึ่งจะกำหนดรูปแบบที่ประชาชนสามารถปฏิบัติได้ง่าย ไม่เพิ่มภาระค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ กฎหมายฉบับใหม่จะมีผลใช้บังคับในวันที่ 5 ก.ย.65 นอกจากนั้น ตร.ยังได้ออกมาตรการเพื่อสร้างจิตสำนึกในการขับขี่ปลอดภัย ด้วยการใช้มาตรการทางปกครอง 2 เรื่อง ได้แก่ 1. ระบบตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ และ 2. การสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่กรณีกระทำผิดกฎจราจร แล้วส่งผลให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรง

ด้าน พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล. ซึ่งเป็นคณะทำงานเทคโนโลยีบังคับใช้กฎหมายจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร อธิบายเพิ่มเติมว่า มาตรการเพื่อสร้างจิตสํานึกในการขับขี่ปลอดภัย ด้วยการใช้มาตรการทางปกครอง 2 เรื่อง ได้แก่ 1. ระบบตัดคะแนนความประพฤติ ในการขับรถ และ 2. การสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่กรณีกระทำผิดกฎจราจร แล้วส่งผลให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรง มีรายละเอียด ดังนี้ 1. ระเบียบ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับระบบการบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถ ของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ พ.ศ. 2565 ซึ่งกำหนดเรื่องระบบตัดคะแนน โดยจะใช้บังคับในวันที่ 9 ม.ค.66 ระบบนี้กำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่มีคะแนนคนละ 12 คะแนน หากทำผิดกฎจราจรจะถูกตัดคะแนนตามจำนวนที่กำหนด โดยข้อหาความผิดมีตั้งแต่ 1 จนถึง 4 คะแนน ข้อหาที่ตัด 1 คะแนน เช่น ขับรถเร็ว ฝ่าฝืนเครื่องหมายทางม้าลาย ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ตัด 2 คะแนน เช่น ฝ่าไฟแดง ย้อนศร ตัด 3 คะแนน เช่น แข่งรถในทาง และตัด 4 คะแนน เช่น ขับรถในขณะเมาสุรา หากคะแนนถูกตัดจนเหลือศูนย์คะแนน จะถูกสั่ง พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ เป็นระยะเวลา 90 วัน สำหรับคะแนนที่ถูกตัด จะมีการคืนคะแนนเมื่อครบกำหนด 1 ปี สำหรับการทำผิดครั้งนั้น ๆ หรือกรณีที่มีคะแนนเหลือน้อย อาจขอเข้ารับการอบรมความรู้เกี่ยวกับการขับรถและวินัยจราจร จาก กรมการขนส่งทางบก เพื่อรับคืนคะแนนตามที่หลักสูตรกำหนดก็ได้ ทั้งนี้ประชาชนสามารถตรวจสอบคะแนนได้จาก เว็บไซต์ PTM E-ticket (https://ptm.police.go.th/eTicket) และ แอปพลิเคชันเป๋าตัง โดยก่อนเริ่มใช้มาตรการตัดคะแนน ตร. และ กรมการขนส่งทางบก จะแถลงข่าวและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่องต่อไป


พล.ต.ต.เอกราช กล่าวว่า 2. ระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ พ.ศ. 2565 ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์การสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่กรณีผู้ขับขี่ทำผิดกฎหมายจราจร และการกระทำนั้นมีผลหรือมีลักษณะร้ายแรง ได้แก่ 1. มีเหตุก่อให้เกิดน่าจะก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงสาธารณะ 2. มีลักษณะเป็นภัยแก่ประชาชนอย่างร้ายแรง และ 3. มีพฤติการณ์หลบหนีเมื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล/ทรัพย์สิน ซึ่ง ผบช.น. ภ.1-9 และ ก. เป็นผู้มีอำนาจออก คำสั่งพักใช้ใบขับขี่ผู้นั้น ครั้งละไม่เกิน 90 วัน โดยการสั่งพักใช้ตามข้อนี้ แยกต่างหากจากระบบตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ ระเบียบฉบับนี้ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.65 เป็นต้นมา การขับรถในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ตามมาตรา 156 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

พล.ต.ต.เอกราช กล่าวว่า นอกจากระเบียบทั้ง 2 เรื่องดังกล่าว ยังมีระเบียบที่กำหนดขั้นตอนการปฏิบัติงานของ ตร. และระเบียบเรื่อง การประสานข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ฯ ระหว่าง ตร. และกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้การใช้มาตรการตัดคะแนนเป็นไป ด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยให้ประชาชนขับขี่และใช้ถนนได้อย่างปลอดภัย จึงขอให้ร่วมกันปฏิบัติ ตามกฎจราจร เพื่อสร้างวัฒนธรรมการขับขี่ปลอดภัย สร้างวินัยจราจร เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางถนน อย่างเป็นรูปธรรม และยั่งยืน

ส่วนดุลยพินิจของตำรวจในการยึดใบอนุญาตขับขี่ หรือระงับการใช้รถ ทาง พล.ต.ต.เอกราช กล่าวว่า การยึดใบอนุญาตขับขี่ หรือระงับการใช้รถ จะมีประเด็นในเรื่องเจ้าพนักงานจราจร ถ้าพบเห็นผู้ขับขี่ผู้ใดได้มีพฤติกรรมที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นทางร่ายกาย ทั้งการอ่อนเพลีย ง่วงนอน ลมบ้าหมู ฯลฯ หากพบเห็นแล้ว เจ้าพนักงานจราจรมีอำนาจที่จะยึดใบอนุญาตขับขี่เพื่อไม่ให้เขาขับรถต่อไป หากร่างกายสมบูรณ์แล้วเมื่อพิจารณาดูแล้วสามารถขับรถต่อไปได้ก็จะคืนใบอนุญาตขับขี่ให้ ส่วนทางด้านจิตใจ เช่น อาจมีเรื่องเครียดทะเลาะกับแฟน มีการขับรถปาดไปปาดมา ซึ่งเจ้าพนักงานจราจรเห็นว่าอาจเกิดอันตรายต่อผู้อื่นก็สามารถขอยึดใบขับขี่ เพื่อไม่ให้ขับรถ หากจุดนั้นเขาไม่มีใบขับขี่ก็มีอำนาจระงับการใช้รถได้ เพื่อไม่ให้เขาขับรถไปเป็นอันตรายต่อผู้อื่น แต่หากเหตุการณ์หรือพฤติกรรมต่าง ๆ จบไปแล้วทางเจ้าพนักงานจราจรสามารถใช้ดุลยพินิจว่าสามารถขับรถต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งจะมีกระบวนการต่อมาจากนั้น เช่น หากสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ก็จะส่งไปโรงพยาบาล รวมถึงแจ้งญาติหรือมีกระบวนการอื่นใดที่สามารถปฏิบัติต่อผู้ขับขี่ได้อย่างเหมาะสมและไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อบุคคลผู้อื่น. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ชะตากรรมชาวตลาดโรงเกลือ หลังปิดด่านคลองลึก

สระแก้ว 25 มิ.ย. – เสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาดโรงเกลือ หลังปิดด่านพรมแดนคลองลึก จากที่ต้องดิ้นรนค้าขายในยุคเศรษฐกิจย่ำแย่อยู่แล้ว ยิ่งย่ำแย่ลงกว่าเดิม.-สำนักข่าวไทย

EOD ทำลายระเบิดซุก จยย.จอดทิ้งหน้าอาคารสนามบินภูเก็ต

ภูเก็ต 25 มิ.ย. – ตำรวจชุด EOD ตรวจสอบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยซุกระเบิด จอดทิ้งหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินภูเก็ต ล่าสุดยิงทำลายวัตถุระเบิดได้แล้ว อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ ยืนยันมีลูกเดียว ไม่มีผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต .-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือคนไทยออกจากอิสราเอล-อิหร่าน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย.- นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือ-อำนวยความสะดวกคนไทยต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่าน เผยล่าสุดมี 73 คน ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน และ 18 คนจากอิสราเอลต้องการกลับไทย ขอคนที่อยู่ต่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุรัฐบาลได้เตรียมการดูแลพี่น้องคนไทยทั้งในอิสราเอลและอิหร่าน ในกรณีที่ต้องการเดินทางกลับไทย เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยกระทรวงการต่างประเทศได้วางแผนช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้คนไทยที่ต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่านโดยรวดเร็วและปลอดภัยค่ะ ในอิหร่าน มีคนไทยรวมประมาณ 300 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานและนักศึกษา ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ช่วยเหลือให้ไปพำนักชั่วคราวที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Amol ในอิหร่านแล้ว 35 คน และอีก 4 คนไปที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Van ในตุรกี นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศกำลังเร่งประสานงานให้คนไทย 73 คนที่ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะหารือกับฝ่ายอิหร่าน เพื่อให้เร่งออก exit visa ให้ ในส่วนของอิสราเอล มีคนไทยอยู่ประมาณ 40,000 คน เกือบทั้งหมดเป็นแรงงาน สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ติดตามสอบถามความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด รวมทั้งไปเยี่ยมเยียนด้วย ซึ่งในชั้นนี้ […]

นายกฯ เปิดประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเซียน ไร้ตัวแทนกัมพูชาร่วม

พัทยา 25 มิ.ย.-ไร้เงาตัวแทนกัมพูชา นายกฯ เปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเซียน ชมสาธิตวิธีการช่วยอากาศยานประสบภัยในทะเล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี และกล่าวเปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเชียน (ASEAN Coast Guard Forum 2025: ACF 2025) และการฝึกค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัยในทะเล และการแพทย์ฉุกเฉินในทะเล ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ระหว่างวันที่ 24-27 มิถุนายน 2568 เพื่อส่งเสริมความปลอดภัย มั่นคง มั่งคั่ง ในอาเซียน ณ โรงแรมฮิลตัน พัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยมีพลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือให้การต้อนรับ โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศผู้สังเกตการณ์ และพันธมิตรสำคัญที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้สู่เมืองพัทยา และแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมในพิธีเปิดเวทีความร่วมมืออันสำคัญของภูมิภาค ซึ่งเป็นเวทีที่หน่วยรักษาความปลอดภัยชายฝั่ง หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทางทะเล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศสมาชิกอาเซียน ได้มาพบปะ แลกเปลี่ยนมุมมอง และเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับความมั่นคงทางทะเลร่วมกัน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความสำคัญของความมั่นคง และความปลอดภัยทางทะเล ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภูมิภาค เนื่องจากท้องทะเลไม่เพียงเป็นเส้นทางการค้าสำคัญ […]