ตร.เตือน ปชช.โพสต์รูปตั๋วเครื่องบิน เสี่ยงโดนดึงข้อมูลส่วนตัว

กรุงเทพฯ 5 ก.ค.- รองโฆษก ตร. เตือนประชาชนที่โพสต์ภาพเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง อาทิ ตั๋วเครื่องบิน หนังสือเดินทาง ซึ่งมีข้อมูลสำคัญ อาจทำให้มิจฉาชีพสามารถขโมยข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในการกระทำผิดที่อาจได้รับความเสียหายได้


พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

เนื่องด้วยปัจจุบัน สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง และมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตลดลง พี่น้องประชาชนสามารถใช้ชีวิตประจำวันและออกเดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งพบว่ามีพี่น้องประชาชนบางส่วนได้โพสต์ภาพเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง เช่น ตั๋วเครื่องบิน (boarding pass) และหนังสือเดินทาง ซึ่งเอกสารดังกล่าวในปัจจุบัน มักจะมีข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญ เช่น ชื่อ-นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง เที่ยวบิน วันเวลาเดินทาง ที่นั่งโดยสาร เป็นต้น อีกทั้งยังมีการเก็บข้อมูลบางส่วนไว้ในรูปแบบของ QR Code หรือ Bar Code อีกด้วย ซึ่งการโพสต์ภาพเอกสารเดินทางดังกล่าว อาจทำให้มิจฉาชีพสามารถขโมยข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการเดินทางของท่านไปใช้ในการกระทำผิด ใช้ในการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ หรือเข้าไปแก้ไขข้อมูลการเดินทางหรือข้อมูลสมาชิกกับสายการบิน ซึ่งอาจทำให้บุคคลที่เป็นเจ้าของเอกสารได้รับความเสียหาย


สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังในการโพสต์ภาพเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางในสื่อสังคมออนไลน์ โดยควรปกปิดข้อมูลส่วนบุคคล QR Code และ Bar Code ที่ปรากฏอยู่บนเอกสาร เพื่อป้องกันการถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในการกระทำความผิด และหากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหาย หรือพบเห็นการถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ แจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน 191 หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง