กรุงเทพฯ 27 มิ.ย. – ทนายความพาผู้เสียหายร้องผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เร่งรัดคดีถูกบริษัทชื่อดังหลอกขายเวาเชอร์พูลวิลล่าพัทยา แต่คดีไมคืบ แถมยังไม่หยุดหลอกขายนักท่องเที่ยว
ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ พาผู้เสียหายประมาณ 60 คน ซึ่งส่วนมากเดินทางมาจาก จ.ชลบุรี เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กรณีซื้อคูปองที่พัก, อาหาร, กิจกรรม จากบริษัทหนึ่ง แต่เมื่อนำไปใช้กลับถูกปฏิเสธต้องใช้เงินสดแทน จึงเชื่อว่าถูกหลอก ผู้เสียหายบางส่วนแจ้งความที่ บก.ปคบ.ไว้แล้วตั้งแต่เดือน ก.พ.65 แต่คดีไม่คืบหน้า และมีพนักงานบางส่วนไม่ได้รับเงินเดือน ซึ่งพนักงานตรวจแรงงานได้แจ้งความแล้ว ที่ สภ.เมืองพัทยา คดีไม่คืบหน้าเช่นเดียวกัน ผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาขอให้ช่วยเร่งรัดคดีและขอให้ออกหมายจับโดยเร็ว
นางสมสกุล อายุ 52 ปี ผู้ประกอบการในพื้นที่พัทยามานานกว่า 30 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายรายหนึ่ง เปิดเผยว่า หลังจากแจ้งความตำรวจ ปคบ.เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ผู้ประกอบการรายดังกล่าวยังไม่หยุดกระทำผิดอีก ยังมีการเปิดจำหน่ายเวาเชอร์ท่องเที่ยวเมืองพัทยาอีก เมื่อประชาชนหลงซื้อไปแล้วเดินทางไปเที่ยวก็ไม่มีห้องพักให้ ยังไปเช่าโกดังแห่งหนึ่งเอาไว้ ทำให้เวาเชอร์เหล่านี้ถูกเอาออกไปขายโดยที่ประชาชนและสื่อมวลชนไม่ทราบ ดังนั้น จะยังมีผู้เสียหายประชาชนคนไทยเพิ่มอีกจำนวนมาก ผู้ประกอบการที่มาในวันนี้ไม่ได้มาเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ แต่อยากจะยับยั้งการกระทำของธุรกิจดังกล่าว เพื่อหยุดการกระทำ เพื่อเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ของเราไม่ได้เกิดความเสียหายอีกต่อไป
ปัจจุบันโควิด-19 ทำให้พวกเราได้รับความเดือดร้อน แต่เมื่อมีบริษัทดังกล่าวนี้มาสร้างความเสียหายให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ของเรา เป็นมรสุมลูกที่สอง เมืองท่องเที่ยวกำลังจะเปิด เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว หวั่นว่าประชาชนคนไทยทั่วประเทศจะเห็นเวาเชอร์ดังกล่าวแล้วไปซื้อ ปรากฎไม่มีห้องพักที่จะรองรับ เราเป็นประชาชนในพื้นที่เราเป็นกังวลมีความเป็นห่วงประชาชนที่เห็นหอบลูก เพื่อที่จะมาพัก เดินทางมา 200-300 กม.แต่ไม่มีห้องพัก ในฐานะคนในพื้นที่ จึงคิดที่จะหาแนวทางช่วยเหลือประชาชนด้วยกันเอง วันนี้จึงมาขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนทุกภาคส่วนให้มาช่วยเหลือกันปกป้องรักษาสิทธิคนไทย เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายและจะเกิดความทุกข์ระทมใจ เราขอร้องทุกท่านโปรดให้ความร่วมมือด้วย
น.ส.อ้อย อายุ 32 ปี คุณแม่ลูกสอง ซึ่งเป็นผู้บริโภคหลงซื้อเวาเชอร์พัทยาของบริษัทดังกล่าว เปิดเผยว่า ซื้อเวาเชอร์ จำนวน 4 ใบ เป็นเงิน 3,480 บาท แต่ราคาหน้าบัตร 6,500 บาท ซื้อตั้งแต่ เม.ย.64 จะทำเซอร์ไพรส์สามีและลูก ๆ พาไปเที่ยวพักผ่อนช่วงปิดเทอม ตอนเดือน ต.ค.ติดต่อไปที่บริษัทก็ยังไม่สามารถจองห้องพักได้อ้างว่าระบบล่ม เพราะมีคนแจ้งเข้าพักจำนวนมากเต็มถึง ก.พ.65 โชคดีที่สำรองที่พักบริษัทอื่นไว้เลยไปเที่ยวและได้เข้าพักที่อื่นแทน แล้วจองไว้ช่วง 7-9 มี.ค.อีกที มีเอกสารบุ๊กกิ้งไว้เรียบร้อย แต่มามีข่าวออกมาว่าคนไปแล้วเข้าพักไม่ได้ จนสุดท้ายก็ไม่สามารถจะไปเข้าพักได้เหมือนคนอื่น เราเป็นเพียงแค่ผู้เสียหายที่เป็นผู้บริโภครายเดียวเกรงว่าจะเอาผิดผู้ประกอบการไม่ได้ ตอนแรกจะทิ้งบัตรไปตามที่สามีบอก แต่ไม่ทิ้งเก็บเอาไว้จนบัดนี้ก็เลยออกมาร่วมกับคนอื่น เรียกร้องคุ้มครองสิทธิของเรา.-สำนักข่าวไทย
