กทม. 19 มิ.ย.-รวบเพิ่ม 1 ราย ผู้ต้องหาร่วมกับ “สันติ” ฆ่า 2 สามีภรรยาที่ไต้หวัน หนีซุกกาฬสินธุ์ เบื้องต้นรับสารภาพ ล่าผู้ต้องหาอีก 1 ราย
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เข้าสอบปากคำ นายธนวัฒน์ พุ่มเข็มทอง ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยจับกุมได้ที่บ้านไม่มีเลขที่ ตำบลดงมูล อำเภอหนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์
หลังการสืบสวนของตำรวจพบข้อมูลว่า นายธนวัฒน์ ได้ร่วมกับนายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน อายุ 35 ปี ที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ และนายสามารถ แซ่หลี ที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี ก่อคดีสะเทือนขวัญ ฆ่าสองสามีภรรยาและลูกแฝดในครรภ์ที่ประเทศไต้หวัน ก่อนหลบหนีมาไทย จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลอาญาออกหมายจับ นายธนวัฒน์ และนายสามารถ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เมื่อวานนี้
ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า นายธนวัฒน์ ให้การรับสารภาพว่าได้มีการร่วมวางแผนกับนายสันติและนายสามารถ ผู้ต้องหาอีกหนึ่งคนที่อยู่ระหว่างการหลบหนี แต่ปฏิเสธไม่ได้ใช้ท่อนเหล็กทุบตีผู้เสียชีวิตทั้งสองคน หลังก่อเหตุได้หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยนายสันติ เป็นคนซื้อตั๋วเครื่องบินให้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นข่าวใหญ่ในไต้หวัน โดยนายสันติ เป็นคนที่วางแผนก่อเหตุทั้งหมด ให้ผู้เสียชีวิตทั้งสองมาหาที่บ้านพักคนงาน ซึ่งนายสันติ เป็นพ่อบ้านและว่าจ้างให้ทั้งสองคนมาก่อเหตุ และสัญญาว่าจะให้ค่าจ้างคนละ 5 แสนบาท แต่ได้ให้เงินไปเพียง 2 หมื่นบาท
ขณะที่คำให้การของผู้ต้องหาที่อ้างว่าปมขัดแย้งมาจากที่นายสันติ ขัดแย้งจากปัญหาธุรกิจที่ทำด้วยกัน ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด และตั้งมูลเหตุการก่อเหตุครั้งนี้ไว้ 2-3 ประเด็น ซึ่งก็เป็นไปได้หมด ส่วนจะเป็นความขัดแย้งเรื่องยาเสพติดหรือไม่นั้น ตำรวจมีข้อมูลในการสืบสวนของทั้งผู้เสียชีวิต และผู้ต้องหา แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด
สำหรับผู้ต้องหาอีกคนหนึ่งคือนายสามารถ ขณะนี้ตำรวจกำลังติดตามตัว และใกล้จับตัวได้แล้ว กำลังตรวจสอบว่าหลบหนีอยู่ในประเทศหรือออกนอกประเทศไปแล้ว รวมทั้งกำลังตรวจสอบว่ามีผู้ใดช่วยเหลือหรือไม่
นอกจากนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งให้ตำรวจกองปราบปราม 6 นาย ไปร่วมสืบสวนกับตำรวจไต้หวัน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง มูลเหตุในการก่อเหตุครั้งนี้ แต่จนถึงขณะนี้ยังมีผู้ร่วมก่อเหตุเป็นคนไทย 3 คน ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในไทยทำได้เพียงคดี ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดนไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนคดีอำพรางศพเป็นคดีในไต้หวัน ส่วนคดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร การดำเนินคดีจะต้องรายงานไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดด้วย ซึ่งหากมีการจับผู้ต้องหาครบแล้วก็จะรายงานตามขั้นตอน และดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน นายยิ่งยศ แซ่หลี่ พี่ชายของผู้เสียชีวิต กล่าวขอบคุณตำรวจกองปราบปราม และผู้ที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาในครั้งนี้ และยืนยันว่าน้องสาวไม่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย หรือยาเสพติด ส่วนตัวไม่เชื่อในคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหา เนื่องจากน้องสาวเป็นคนขยันทำงาน ขายอาหารเก็บเงินเก่ง และมีรายรับจำนวนมาก ส่วนการดำเนินคดีก็ขอให้ดำเนินคดีในไทยตามกระบวนการของกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย