สำนักงานอัยการสูงสุด 17 มิ.ย.-โฆษกอัยการชี้คดีสันติฆ่าเพื่อนร่วมชาติในไต้หวันต้องส่งอัยการสูงสุด พิจารณาสั่งการ
นายประยุทธ์เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุถึงขั้นตอนการดำเนินคดีกับนายหยางหรือสันติ ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีฆ่าสามีและภรรยาที่ตั้งท้องลูกแฝดในไต้หวันก่อนจะหลบหนีกลับมาที่จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย โดยนายสันติเป็นบุคคล 2 สัญชาติ ถือสัญชาติไทยและสัญชาติไต้หวัน ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดต่อชีวิต กระบวนการยุติธรรมไทย จึงมีอำนาจดำเนินคดีผู้ถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 8 ประกอบ (ก), (4)
สำหรับขั้นตอนหลังจากที่ตำรวจจับกุมหรือรับมอบตัวผู้ต้องหาได้แล้ว จะต้องพิจารณาว่าญาติของผู้เสียชีวิตจะให้ดำเนินคดีในประเทศหรือจะให้ส่งต่อไปดำเนินคดีที่ไต้หวัน หากญาติของผู้เสียชีวิตระบุชัดเจนว่าต้องการให้ดำเนินคดีในประเทศไทย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 อำนาจในการสอบปากคำหรือสอบสวนผู้ต้องหาจะตกอยู่กับอัยการสูงสุดเนื่องจากตามกฎหมายแล้วคดีเข้าข่ายเป็นคดีระหว่างประเทศ ทำให้หลังจากได้ตัวผู้ต้องหาแล้ว จะต้องนำส่งตัวให้อัยการสูงสุด เป็นผู้พิจารณาว่าจะให้พนักงานอัยการระหว่างประเทศทำการสอบสวนเองหรือมีดุลพินิจว่าส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินการสอบสวน หรือให้ทั้งพนักงานสอบสวนและอัยการทำการสอบสวนร่วมกัน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่ากรณีนี้ทางครอบครัวผู้เสียหายมีการดำเนินการร้องทุกข์ไว้กับทางตำรวจไทย ก็จะเข้าเงื่อนไขที่ต้องนำตัวส่งอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานข้อมูลจากทางตำรวจกองปราบปรามแต่อย่างใด คาดว่าต้องรอความชัดเจนในการรับมอบตัวก่อน
ทั้งนี้ ตามกฎหมายแล้วการจะดำเนินคดีผู้ต้องหาจะต้องมีพยานหลักฐานหรือสำนวนคดีมาประกอบด้วย จึงต้องให้ทางการของไต้หวันส่งสำนวนคดีและพยานหลักฐานต่าง ๆ มาในประเทศไทย ซึ่งทราบคร่าว ๆ ว่าขณะนี้ทางการไต้หวันมีการส่งหลักฐานในคดีบางส่วน แต่หากยังต้องรอขั้นตอนต่าง ๆ อีก ระหว่างนี้สามารถนำตัวผู้ต้องหาเข้าฝากขังต่อศาลได้ 7 ผัด ผัดละ 12 วันตามรูปแบบการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาคดีทั่วไป
ส่วนการหาพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติมมาประกอบสำนวนเมื่อทางอัยการสูงสุดรับคดี และมีข้อสั่งการในการทำคดี ก็สามารถหาหลักฐานเพิ่มเติมได้โดยผ่านสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย จึงไม่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับการดำเนินคดี ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานดังกล่าวก็มีการปฏิบัติงานในลักษณะนี้มาโดยตลอด ในหลาย ๆ คดี
ขณะที่ด้านนายยิ่งยศ เเซ่หลี่ พี่ชายของนางพจนีย์ เเซ่หลี่ ที่ถูกนายนายสันติ หรือหยาง ศุภอภิรดีไพลิน ฆ่ายัดรถเสียชีวิตพร้อมครอบครัวที่ไต้หวัน ระบุกับทีมข่าวผ่านทางโทรศัพท์ว่า จนถึงเช้าวันนี้ตนเองและทางครอบครัวยังไม่ได้รับการติดต่อแจ้งข่าวเรื่องที่นายสันติ ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับตำรวจ แต่ได้ทราบจากสื่อว่ามีการติดต่อขอเข้ามอบตัว ซึ่งหากเป็นเรื่องจริงก็ถือเป็นเรื่องดี ซึ่งในขั้นตอนการดำเนินการทางคดี ก็ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย แต่หากถามความเห็นของตนเอง ตนเองอยากให้นายสันติถูกส่งตัวไปรับโทษที่ไต้หวัน เพราะอยากให้ไปขอขมาน้องสาวตนเองที่ไต้หวัน ด้วย
มีรายงานว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสันติ เข้ามอบตัวที่ทำการหมวดมวลชนสัมพันธ์ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 335 ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีบิดาเป็นคนกลางในการพาเข้ามอบตัว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรับมอบตัวและเดินทางกลับมาที่กองปราบปราม โดยจะใช้การพาตัวมาขึ้นเครื่องบินที่สนามบิน ทอ. จังหวัดเชียงใหม่ (อยู่ในสนามบินเชียงใหม่ด้านหลัง) ในช่วงเวลา 10 นาฬิกา และมาลงจอดที่สนามบิน บน.5 ดอนเมือง .-สำนักข่าวไทย