“ทนายตั้ม” เผยกรณี “ส.ส.เต้-อัจฉริยะ” แพแตกเร็วกว่าที่คิด

15 มิ.ย. – “ทนายตั้ม” พา “จิน” รับทราบข้อหาหมิ่นประมาท หลังถูก “กระติก” แจ้งความ เจ้าตัวมั่นใจไม่กังวลเรื่องคดี ส่วนกรณีคณะทำงานของ ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ และ “อัจฉริยะ” แพแตก “ทนายตั้ม” บอกคิดไว้อยู่แล้วจะต้องเป็นแบบนี้ แต่ถือว่าแตกเร็วกว่าที่คิด


นายจรินทร์ ธรรมวัฒนะ หรือ จิน สามีของหนิง ปณิตา นักแสดงชื่อดัง พร้อมทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.มีนบุรี เนื่องจากเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ให้ดำเนินคดีกับ “จิน”ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณี “กระติก” ถ่ายรูปกับแซนในรถตู้ โพสต์ลงอินสตาแกรมในวันที่พนักงานสอบสวนนำตัว 6 ผู้ต้องหาคดีการเสียชีวิตของแตงโม ไปส่งอัยการจังหวัดนนทบุรี และ “จิน” เข้าไปแสดงความคิดเห็นในโพสต์ดังกล่าวด้วยข้อความเปรียบเทียบว่าเป็นตัวเงินตัวทอง

ทนายษิทรา เปิดเผยว่า วันนี้พานายจรินทร์ ธรรมวัฒนะ มารับทราบข้อกล่าวหาตามที่พนักงานสอบสวนนัดหมาย ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และยังมีอีกคดีที่ สน.ท่าข้าม ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องจากเหตุเดียวกัน จึงเตรียมทำเรื่องไปถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาลให้รวม 2 สำนวนเป็นคดีเดียวกัน แต่ต้องขอดูรายละเอียดของสำนวนทั้ง 2 คดีก่อน


ส่วนคดีนี้ ไม่ได้มีความกังวลใจอะไร จินก็แสดงเจตนาสุจริตชัดเจน เชื่อว่าพฤติการณ์คงไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาท แต่อาจจะเข้าข่ายการดูหมิ่นเท่านั้น ซึ่งวันนี้ไม่ได้เตรียมหลักทรัพย์มาประกันตัว เพราะเป็นคดีที่อัตราโทษน้อย และก็มาพบพนักงานสอบสวนตามนัดหมายอยู่แล้ว

ทนายษิทรา ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะทำงานของ ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ และนายอัจฉริยะ แพแตก คิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้ แต่ถือว่าแพแตกเร็วกว่าที่คิดไว้ มันไวมาก ซึ่งก็น่าตกใจ จะเป็นเวรกรรมหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ทุกการกระทำต้องมีผลทางกฎหมาย ให้รอดู

ส่วนกรณีการถอนฟ้องก็ต้องรอดูต่อไป เพราะทราบมาว่าหนังสือมอบอำนาจจากแม่ มอบให้ตั้งนานแล้ว พอมีการทวงถามขอคืน กลับไม่คืน เอาไปฟ้องตรง ต้องรอดูข้อกฎหมายว่า การฟ้องแล้วถอน จะเข้าข่ายฟ้องเท็จหรือไม่ ส่วนจะเป็นการตัดสิทธิ์ในการยื่นเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการหรือไม่ ต้องดูเจตนาของแม่ว่าแม่รับรู้หรือไม่


ทั้งนี้ การกระทำของ ส.ส.เต้ มองว่าจริงๆ แล้ว หน้าที่ของ ส.ส. ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ ส.ส.เต้ กำลังมาทำตัวเหมือนเป็นทนายความ ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ แต่เหมาะสมไหม เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ส่วนกรณีหลังจากอัยการมีคำสั่งฟ้องคดีแล้ว คนบนเรืออาจจะเดินหน้าดำเนินคดี ทนายษิทรา กล่าวว่า ในส่วนของจิน คงไม่โดนอะไรแล้ว เพราะไม่ได้ไปใส่ร้ายหรือพูดไม่จริง ส่วนคนที่วิพากษ์วิจารณ์โดยพูดความจริง ก็ไม่ต้องกลัว

ด้าน “จิน ธรรมวัฒนะ” เปิดเผยว่า ไม่มีความกังวลใจเกี่ยวกับคดีนี้เลย และทุกอย่างที่ทนายษิทราดูแลให้ก็สบายใจ ถ้าอีกฝ่ายต้องการจะเจรจาไกล่เกลี่ย ขอให้มาคุยกับทนายษิทราเท่านั้น ฝ่ายตนจะไม่เสนอตัวขอไกล่เกลี่ยก่อนอยู่แล้วด้วย ส่วนที่โพสต์แสดงความคิดเห็นไป ยืนยันว่าไม่ได้คิดอะไร อีกฝ่ายเขียนไว้ว่าเชิญคอมเมนต์ได้ ตนก็เลยโพสต์ไป ส่วนที่ตัดผม ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความกังวลหรืออะไร แค่อยากตัดเฉยๆ

ทีมข่าวโทรศัพท์สอบถามนายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ทนายความของกระติก เปิดเผยว่า คดีที่ สน.มีนบุรี กระติกแจ้งความจิน เพียงคนเดียว เพราะยังไม่พบว่า หนิง มีพฤติการณ์เข้าข่ายการหมิ่นประมาท และยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจายอมความ ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งตอนนี้ กระติก ยังไม่อยากจะออกมาพูดอะไรด้วยตัวเอง แต่หลังจากวันที่ 23 มิ.ย. ไปแล้ว คนบนเรือพร้อมที่จะออกมาเปิดเผยทุกเรื่อง นอกจากนี้ กระติกยังปรึกษากับตนด้วยว่า อาจจะแจ้งความนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เกี่ยวกับการหมิ่นประมาท ทำให้กระติกเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือไม่

ขณะที่ในช่วงบ่าย เวลา 15.00 น. ทนายษิทรา แจ้งว่าจะพา “จิน” ไปพบพนักงานสอบสวนที่ สน.ท่าข้าม ในคดีที่ “แซน วิศาพัช” ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ให้ดำเนินคดีกับจิน ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีเดียวกันนี้ด้วย

ทั้งนี้ ทีมข่าวโทรศัพท์ไปสอบถาม แซน วิศาพัช เกี่ยวกับคดีที่แจ้งความที่ สน.ท่าข้าม โดย แซน ระบุว่า ที่แจ้งความจิน ไว้เพียงคนเดียว เพราะยังไม่มั่นใจว่า หนิง มีความเกี่ยวข้องกับการหมิ่นประมาทหรือไม่ ต้องปรึกษาทนายความอีกครั้งก่อน และยืนยันว่าจะไม่มีการไกล่เกลี่ยเจรจายอมความ ส่วนเรื่องการเรียกร้องค่าเสียหายอยู่ระหว่างการปรึกษากับทนายความ และแซน ยังเปิดเผยด้วยว่า หลังวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ที่อัยการจะมีคำสั่งฟ้อง จะมีมหกรรมอย่างแน่นอน แต่จะเป็นอะไร ยังไม่ขอเปิดเผย ขอให้รอติดตาม. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]

นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู”

สภาหอการค้าฯ 18 ก.ย.-นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู” ต้องผลักดันเต็มที่ พร้อมแก้ไขปัญหาภาคเอกชนสู่นโยบายรัฐบาล ยันทำทุกทางให้ไทยเป็นคู่ค้าที่ได้เปรียบ ไม่ปิดกั้นนโยบายคนอื่น ขอให้วินวินทุกฝ่าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือกับสภาหอการค้าไทยว่า ตนและทีมงานได้มาพบกับทางคณะกรรมการสภาหอการค้าไทย เหมือนกับวันที่เราไปเยี่ยมที่สภาอุตสาหกรรม เราพยายามที่จะไปพบกับภาคเอกชนก่อนที่จะเข้าไปบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อที่จะได้รับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลได้สนับสนุนหรือแก้ไข จะรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อเวลาเข้าไปทำงานจะได้ดำเนินการให้ทุกอย่าง ขับเคลื่อนไปด้วยความรวดเร็ว มาพบกับคณะผู้บริหารสภาหอการค้าไทย ถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการ เรารับฟังข้อเสนอแนะข้อกังวล สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลได้ดำเนินการ เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัว ทั้งด้านการเงิน ภาระหนี้สิน ดอกเบี้ย พลังงาน การส่งออก แรงงาน และโอกาสต่างๆ สำหรับประเทศไทยในอนาคต ได้มีการหารือลงในรายละเอียดมากพอสมควร และจะต้องมีการพบกันเป็นประเด็นไปหากมีความจำเป็น แต่ในภาพรวมจะหาโอกาสมาหารือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถามว่า หารือแล้วได้จัดเตรียมมาตรการความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง นายอนุทิน เผยว่า รับฟังปัญหาต่างๆ เรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการ แรงงาน ภาษี ขนส่งต่างๆ เราพยายามที่จะทะลายข้อจำกัดที่มีอยู่ ไม่จำเป็นไม่ปิดกั้นโอกาส ส่วนรายละเอียด ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะนำสิ่งเหล่านี้ไปหาทางทำให้คล่องตัวขึ้น […]

ตำรวจเสริมกำลังบ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – ตำรวจเสริมกำลังที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หลังวานนี้ชาวกัมพูชาพยายามเข้ามาทำลายทรัพย์สิน รื้อลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จนเจ้าหน้าที่ต้องผลักดันออกไป ที่วัดหนองหญ้าแก้ว ยังเป็นจุดพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาพยามเข้ามารื้อลวดหนาม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินราชการในพื้นที่บริเวณอธิปไตยของไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายมีการดำเนินการอย่างที่ปฏิบัติมาเมื่อวานนี้ตามหลักสากล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะจากข้อมูลตามเพจ พบชาวกัมพูชาระดมมวลชนเพิ่ม ดังนั้น วันนี้นอกจากตำรวจในจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอีก 2 กองร้อย 340 คน ได้แก่ ตำรวจจากปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุเมื่อวานนี้ ทางกองทัพบกย้ำว่าจุดปะทะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากล โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ. -สำนักข่าวไทย