ผบ.ตร.มั่นใจดำเนินคดีมือฆ่า 2 ศพยัดท้ายรถที่ไต้หวันได้

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – ผบ.ตร.มั่นใจดำเนินคดีนายสันติ มือฆ่า 2 ศพยัดใส่รถที่ไต้หวันได้แน่นอน ยืนยันตั้งข้อหาฆาตกรรมในไทยได้ พร้อมส่งกำลังตรึงแนวชายแดน หวั่นหลบหนี


เจ้าหน้าที่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย เข้าให้ข้อมูลและประชุมร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขอความร่วมมือติดตามจับกุมนายสันติ หรือนายหวัง อายุ 35 ปี ที่ก่อเหตุฆ่า 2 สามีภรรยา ซึ่งเป็นหุ้นส่วนธุรกิจของนายสันติ เสียชีวิตพร้อมทารกฝาแฝด อายุในครรภ์ 5 เดือน โดยนำศพยัดใส่รถยนต์จอดทิ้งที่สถานีรถไฟความเร็วสูงเถาหยวน ไต้หวัน ก่อนหลบหนีกลับเข้ามาในประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นประธานการประชุม เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม สอบปากคำและตรวจสอบพยานหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ไต้หวัน ส่วนที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตไปร้องกับตำรวจภูธรภาค 5 ก็จะนำมารวมคดีให้กองบังคับการปราบปรามดำเนินการเป็นเจ้าของคดี และนำหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ไต้หวันไปขอศาลอนุมัติหมายจับ ซึ่งยังไม่ทราบมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุแน่ชัด


ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาถือสัญชาติไทย-ไต้หวัน ทางตำรวจสันติบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไปตรวจสอบ แต่เบื้องต้นหากมีสัญชาติไทย ซึ่งสามารถดำเนินคดีได้ตามกฎหมายไทย ในข้อหาฆาตกรรม แต่จะต้องพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง รวมถึงอาจพิจารณาดำเนินคดีกรณีใช้มากกว่า 1 สัญชาติด้วย พร้อมยืนยันว่า ได้สั่งการในส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว รวมถึงการป้องกันผู้ต้องหาไม่ให้หลบหนีออกนอกประเทศด้วย

สำหรับนายสันติ มีภูมิลำเนาอยู่ในตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ โดยย้ายมาจากอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี 2564 และพบประวัติการกระทำผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2559 ข้อหาขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น ในพื้นที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ โดยศาลชั้นต้นพิพากษาปรับ 5,000 บาท และสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่มีกำหนด 6 เดือน ต่อมาได้ตามผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นเพื่อนไปทำงานที่ไต้หวัน ในลักษณะหุ้นส่วนธุรกิจ ก่อนจะเกิดเหตุดังกล่าว โดยมีรายงานว่า ตำรวจไต้หวันคาดการณ์มูลเหตุจูงใจมาจากความขัดแย้งด้านธุรกิจและผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกัน. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง