ฝากขังแก๊งใช้รถกู้ภัยขนยาบ้า 2.4 ล้านเม็ด

กรุงเทพฯ 10 มิ.ย. – ฝากขังแก๊งใช้รถกู้ภัยขนยาบ้า 2.4 ล้านเม็ด ส่งตัวเข้าเรือนจำทันที สารภาพอ้างถูกหลอกไปขนกัญชา แต่มารู้ว่าทีหลังว่าเป็นยาบ้า


เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตำรวจปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ส. ควบคุมตัวนายจิรายุทธ อายุ 22 ปี นายชาญณรงค์ อายุ 31 ปี และนางสาวทิพวรรณ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาคดีใช้รถกู้ภัยขนยาบ้า 2,400,000 เม็ด จาก จ.เลย เข้ากรุงเทพฯ ไปขออำนาจศาลอาญา รัชดาภิเษก ฝากขัง ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด หรือ บช.ป.ส. ไปยังศาลอาญา รัชดาภิเษก ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ศาลอนุญาตตามคำร้องขอของพนักงานสอบสวน พร้อมให้ส่งตัวทั้ง 3 คน ไปควบคุมที่เรือนจำ โดยนายจิรายุทธและนายชัยณรงค์ ถูกส่งไปเรือนจำบำบัดพิเศษกลาง ส่วนนางสาวทิพวรรณ นำไปควบคุมที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ทั้งหมดถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

ด้าน พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 1 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยถึงการสอบปากคำนายจิรายุทธ หรือโด้ คนขับรถกู้ภัย เล่าว่า ถูกว่าจ้างให้ขับรถไปขนกัญชามาจาก จ.ร้อยเอ็ด โดยผู้ว่าจ้างหว่านล้อมว่ากัญชากำลังถูกนำออกจากบัญชียาเสพติดในอีกไม่กี่วัน ถึงโดนจับคงไม่มีผลกระทบเท่าไร ประกอบกับไม่ได้ประกอบอาชีพหลักอะไร นอกจากทำงานมูลนิธิ และมีลูกเล็ก เมื่อมีเงินหลักแสนเป็นค่าตอบแทนจึงตัดสินใจรับงานครั้งนี้ แต่พอไปถึง จ.ร้อยเอ็ด จึงทราบว่าแท้จริงแล้วเป็นการขนส่งยาบ้า ไม่สามารถปฏิเสธได้แล้ว จนถูกจับกุมในที่สุด


ด้านนายชาญณรงค์ หรือไอซ์ ที่ขับรถกระบะมารับนายโด้กับแฟนสาวหลบหนี เข้าใจว่านายโด้แค่รับงานขนกัญชา ประกอบกับความรักเพื่อนจึงขับรถมารับทั้ง 2 คน โดยช่วยนายโด้ยกห่อบรรจุยาบ้าลงจากรถไปทิ้ง ทำให้ถูกดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายอันก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน” ไปด้วย

จากการตรวจสอบประวัติของนายโด้และนายไอซ์ ไม่พบในฐานข้อมูลกลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาก่อน จึงอยากฝากเตือนประชาชนทั่วไปว่าช่วงเปลี่ยนผ่านกฎหมายกัญชาไม่ใช่ยาเสพติด ขอให้ระมัดระวังเมื่อถูกชักชวนให้ไปทำการขนส่ง เพราะอาจกลายเป็นยาเสพติดที่ยังเป็นสิ่งผิดกฎหมายเหมือนในกรณีนี้

สำหรับการขยายผลการจับกุมครั้งนี้ ตำรวจยังมีเบาะแสในการสืบสวนไปหาตัวผู้เกี่ยวข้องและดำเนินมาตรการยึดทรัพย์ได้ แต่ต้องขอเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐาน แต่จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่รถพยาบาลรถกู้ภัยคันอื่นมีส่วนเกี่ยวข้อง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คลอดลูกแฝดตกตึก

หญิงวัย 31 เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น รพ.ดัง เสียชีวิต

สลด! หญิงวัย 31 ปี เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น โรงพยาบาลดัง เสียชีวิต ด้านโรงพยาบาลแถลงแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมทบทวนมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก

ทหารควง M16 ยิงเพื่อนตำรวจดับคาบ้านพัก

ทหารพรานควง M16 บุกยิงเพื่อนตำรวจเสียชีวิตภายในบ้านพัก ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านผู้ตาย เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี เบื้องต้นคนก่อเหตุให้การวกวน เนื่องจากอยู่ในอาการหลอน

ลูกน้องปืนโหดรัวยิงหัวหน้างานดับคา สนง.ปฏิรูปที่ดินฯ

ลูกน้องชักปืนกระหน่ำยิงหัวหน้างานดับกลางห้องทำงาน สำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.น่าน ก่อนลั่นไกยิงตัวเอง ปมเหตุขัดแย้งเรื่องงาน

จนท.ปะทะเดือด! เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ

ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เกิดการปะทะ เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ ยึดอาวุธสงคราม 3 กระบอก

ข่าวแนะนำ

กต.พร้อมพา 5 ตัวประกันไทยกลับบ้านเมื่อสุขภาพแข็งแรง

รมว.ต่างประเทศ เยี่ยม 5 ตัวประกันคนไทย พร้อมพาทุกคนกลับบ้านเมื่อสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีแล้ว ขณะที่ทุกคนขอบคุณที่ทำให้ได้ชีวิตใหม่

นายกฯ ฝากรายการใหม่เทปแรก ไล่เรียงนโยบายแบบ Exclusive

“โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” นักจัดรายการมือใหม่​ ฝากเนื้อฝากตัว หวังใจถึงใจกับประชาชน​ ไล่เรียงภารกิจนโยบายหลายเรื่องแบบเบื้องหลัง Exclusive 30 บาทรักษาทุกที่-บ้านเพื่อคนไทย-แก้ฝุ่น-พ.ร.ก.ไซเบอร์ ยันเงินหมื่นเฟส 3 มาแน่ รอคลังเคาะ นายกฯ รับเสียใจถูกบูลลี่เรื่องแต่งตัว​ แต่จะแต่งแบบนี้ไปทำงานให้ประชาชนมีความสุข

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอุ่นขึ้น 1-2 องศาฯ ค่าฝุ่นมีแนวโน้มเพิ่ม

กรมอุตุฯ เผยมวลอากาศเย็นมีกำลังอ่อน ส่งผลให้ไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาฯ ขณะที่ค่าฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่ม

กกต.ขอบคุณ ปชช.ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ.

เลขาธิการ กกต. แถลงสถานการณ์หลังปิดหีบบัตรเลือกตั้ง อบจ.ทั่วประเทศ ขอบคุณประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิ พร้อมชี้แจงกรณีบัตรเลือกตั้งหายที่จังหวัดบึงกาฬ