ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดี อดีต ผกก.โจ้ กับพวก ทรมานผู้ต้องหา

กทม. 8 มิ.ย.-ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดอ่านคำพิพากษาคดี อดีตผู้กำกับโจ้และลูกน้อง ทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต ด้านทนายของอดีตผู้กำกับโจ้ ยืนยันคดีนี้ สู้กันตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน

วันนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดอ่านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในคดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือโจ้ อดีตผู้กำกับ สภ.เมืองนครสวรรค์ และลูกน้องชุดปราบปรามยาเสพติด หรือปช 05. อีก 6 คน ตกเป็นจำเลยในคดีร่วมกันใช้ถุงดำคลุมศีรษะนายจิระพงษ์ หรือมาวิน ธนพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต


โดยตามกำหนดการ ศาลจะเริ่มอ่านคอ่านคำพิพากษา ในเวลา 09.30 น.ที่ผ่านมา ผ่านระบบ Video Conference ไปยังเรือนจำคุมขังจำเลยทั้ง 7 คน ให้ฟังคำพิพากษาอยู่ที่นั่น ไม่ได้คุมตัวจำเลยมาฟังในห้องพิจารณาคดีเนื่องจากสถานการณ์โควิด

ทีมข่าวสอบถามไปยังนายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความของอดีตผู้กำกับโจ้ ได้รับการเปิดเผยว่า วันนี้นายโชคชัย ไม่มาศาลเอง มอบหมายให้ทีมงานทนาย เป็นผู้แทนมาฟังคำพิพากษา โดยทนายโชคชัย ยืนยันการต่อสู้คดีนี้ สู้กันตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน โดยเฉพาะคลิปเหตุการณ์ตอนคลุมศีรษะนายมาวิน ด้วยถุงดำ เป็นการกระทำที่ไม่มีเจตนาให้นายมาวิน เสียชีวิต แม้จำเลยกับพวก จะคลุมด้วยถุงพลาสติกหลายใบ แต่มีการคลายถุงให้นายมาวิน ได้มีอากาศหายใจ ใช้เวลาคลุมและผ่อนๆ นาน 7 นาที หากจงใจให้เสียชีวิต จำเลยคลุมแน่นแค่ 4 นาที ก็เสียชีวิตอย่างสมบูรณ์แล้ว โดยสู้ว่า การใช้ถุงดำคลุมศีรษะ เพื่อต้องการรีดข้อมูลที่ซ่อนยาเสพติดจากนายมาวิน เพื่อประโยชน์ทางราชการเท่านั้น


ล่าสุด เรืออากาศตรีจักรกฤษ กลั่นดี นางจันจิรา ธนพัฒน์ บิดาและมารดา ของนายมาวิน ผู้ตาย รวมทั้งทนายความ เดินทางมาฟังคำพิพากษาแล้ว โดยบิดา นายมาวิน ยืนยัน ต่อสู้คดีเพื่อลูกชายอย่างเต็มที่ มั่นใจในหลักฐาน แต่วันนี้ ผลของคดีจะออกมาอย่างไร ก็พร้อมยอมรับ และขอหยุดเพียงเท่านี้ จะไม่ขออุทธรณ์ หรือฎีกา ขอสู้แค่ศาลเดียวพอ ไม่สู้ 3 ศาล โดยขอให้ฝ่ายจำเลยจ่ายเงินเยียวยา 1.5 ล้านบาท ตามตกลง

ย้อนไป คดีอดีตผู้กำกับโจ้ เหตุเกิดเมื่อ 5 สิงหาคม 64 จำเลยทั้ง 7 คน เป็นชุดปราบปรามยาเสพติด ของ สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือชุด ปช.05 จับกุมตัวผู้ตายมาสอบสวน โดยใช้ถุงคลุมศีษระ จนหมดสติก่อนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล จากนั้นมีการปล่อยคลิปถุงดำคลุมศีรษะออกสู่โซเชียล และนำไปสู่การออกหมายจับ จับกุมจำเลยดำเนินคดี 4 ข้อหา ซึ่งข้อหาหลักคือร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทารุณกรรมโหดร้าย จำเลยให้การปฏิเสธ ส่วนอีก 3 ข้อหาให้การรับสารภาพในชั้นศาล โดยคดีนี้ โทษสูงสุดถึงประหารชีวิต.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

นายกฯ สั่งลดขั้นตอนแจ้งเตือนภัย ลั่นยังไม่ได้ SMS แผ่นดินไหว

นายกฯ ลั่น จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับ SMS เตือนแผ่นดินไหว สั่งลดขั้นตอนแจ้งเตือน “กรมอุตุฯ ไป ปภ. เข้าเครือข่ายมือถือ” ไม่ต้องผ่าน กสทช. ระหว่าง รอ Cell Broadcast เต็มระบบ ก.ค.นี้

ปภ.ยันไม่มีความรู้สึกสั่นไหว ไม่ใช่ผลจากอาฟเตอร์ช็อก

ปภ.แถลงชี้แจงกรณีสถานการณ์อพยพออกจากอาคาร ยืนยันไม่มีความรู้สึกสั่นไหว ไม่ได้เป็นผลกระทบจากอาฟเตอร์ช็อก ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก

นายกฯ ติดตามภารกิจช่วยเหลือคนติดซาก สตง.ถล่ม

นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุอาคาร สตง.ถล่ม ติดตามภารกิจช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่ใต้ซากอาคาร พร้อมให้กำลังใจทุกหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่

ตึกถล่มแผ่นดินไหว

72 ชั่วโมง ยังมีหวังพบผู้รอดชีวิตตึก สตง. ถล่ม

ใกล้ครบ 72 ชั่วโมงเหตุตึก สตง. ถล่ม แต่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายยังไม่ละความพยายาม และยังมีความหวังในการค้นหาผู้ที่ติดอยู่ใต้ซาก