กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลงจับกุมคดีเครือข่ายยาเสพติดลำเลียงยาบ้า 8.5 ล้านเม็ด และคดีอดีตพนักงานขายโชว์รูมรถหรู หลอกขายรถหรู โกงเงินมัดจำ รวมผู้เสียหายกว่า 20 ราย ความเสียหายเกือบ 3 ล้านบาท
พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) แถลงผลการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดจำนวน 3 ราย ซึ่งเป็นการขยายผลจากการจับกุมยาเสพติดจำนวน 1 ล้านเม็ด เมื่อเดือนที่ผ่านมา ซึ่งจากการขยายผลครั้งนั้น ทราบว่า ภายในต้นเดือนนี้ (มิถุนายน) จะมีการลำเลียงยาเสพติดอีกชุดใหญ่ประมาณ 10 ล้านเม็ด มาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ก่อนกระจายสู่พื้นที่ภาคใต้
โดยหลังทราบข้อมูลฝ่ายสืบสวนสอบสวนของกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมของเครือข่ายดังกล่าว จนพบว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 มิถุนายน) พบรถบรรทุก 10 ล้อ เข้าข่ายต้องสงสัย มีป้ายทะเบียนเป็นหนึ่งในจังหวัดภาคใต้ ขับเข้ามาในพื้นที่ จ.สระบุรี และมีรถอีกหลายคันขับประกบตามมา ตำรวจจึงสันนิษฐานว่า ขบวนรถดังกล่าวกำลังขนย้ายยาเสพติด ตำรวจจึงแสดงตัวขอตรวจค้น ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นมีรถยนต์หนึ่งคัน พยายามขับหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมไว้ได้
ทั้งนี้จากการตรวจค้นรถบรรทุก 10 ล้อ พบยาบ้าจำนวน 8.5 ล้านเม็ด และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 3 ราย จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าจะนำยาชุดนี้ไปส่งในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อลำเลียงต่อไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่ายาชุดนี้มาจากประเทศเพื่อนบ้าน (สปป ลาว) จาก 3 โรงงาน 3 เครื่องหมายการค้า ตำรวจสืบทราบตัวนายทุนที่อยู่เบื้องหลังแล้ว
ส่วนคดีที่ 2 เป็นผลงานการจับกุมของ ตำรวจสืบสวนสอบสวนนครบาล 5 ที่สามารถจับกุมนางสาว ชยณัฐ อายุ 40 ปี อดีตพนักงานขายรถหรูที่โชว์รูมแห่งหนึ่งย่านวิภาวดี หลังก่อเหตุนำเอกสารของโชว์รูม หลอกกลุ่มลูกค้าเก่าของโชว์รูมที่เคยซื้อรถหรูกับตนเองให้จองรถหรูยี่ห้อหนึ่งโดยมีการอ้างกับกลุ่มลูกค้าว่าต้องการทำคะแนนยอดจอง ซึ่งเงื่อนไขคือกลุ่มลูกค้าที่สนใจจะต้องจ่ายค่าจอง 50,000-100,000 บาท โดยโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัว ก่อนจะมอบใบสั่งจองที่ทำขึ้นเองให้ลูกค้าที่โอนเงิน
แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายคืนเงินค่าจองรถนางสาว ชยณัฐ กลับแจ้งไปทางกลุ่มลูกค้าชุดดังกล่าวว่าต้องมีการชำระค่าจองเพิ่มอีก 10,000-20,000 บาท เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์การจองของบริษัท ซึ่งหลังจากลูกค้าโอนเงินให้ตามที่แจ้งแล้ว พบว่านางสาว ชยณัฐ นำเงินส่วนนี้ไปเล่นพนันออนไลน์
ต่อมาทางลูกค้าเริ่มสงสัยรูปแบบและขั้นตอนการจองครั้งนี้จึงติดต่อกลับไปยังโชว์รูมดังกล่าว และพบว่าโชว์รูมมีคำสั่งไล่นางสาว ชยณัฐ ออกไปแล้วก่อนหน้า 1 เดือน เนื่องจากพบพฤติกรรมลักษณะดังกล่าว โดยบริษัทได้แจ้งความนางสาว ชยณัฐ ในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร จึงแนะนำให้ผู้เสียหายรวมตัวและเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ซึ่งต่อมามีผู้เสียหายรวมตัวกันแจ้งความ 20 ราย มูลค่าความเสียหายเป็นเงิน 2,757,099 บาท ต่อมาทางตำรวจสามารถติดตามจับกุมนางสาว ชยณัฐ ได้เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ภายในคอนโดแห่งหนึ่งย่านรัชวิภา สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา .-สำนักข่าวไทย