ตร.นครบาล แถลงผลจับกุมคดีสำคัญในพื้นที่ 4 คดี

กรุงเทพฯ 30 พ.ค. – ตำรวจนครบาลแถลงผลการจับกุมคดีสำคัญในพื้นที่ 4 คดี เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ยาเสพติด และการปล่อยกู้ดอกเบี้ยโหด


คดีแรกเป็นการจับกุมยาเสพติดประเภทกัญชา 620 กิโลกรัม รถยนต์ 3 คัน พร้อมผู้ต้องหา 9 คน หนึ่งในนั้นเป็นเยาวชนอายุ 16 ปี โดยตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 สืบสวนขยายผลจากการจับกุมกลุ่มลักลอบขนส่งไอซ์เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากนั้นจึงทราบว่า เครือข่ายดังกล่าวยังมีการลำเลียงขนส่งยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ อีกลอตหนึ่ง กระทั่งวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตรวจพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มแก๊งดังกล่าวจะมีการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากเข้าในพื้นที่ จึงนำกำลังติดตามที่ลานจอดรถของสถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาดอนหวาย อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา พบรถตู้ทึบ ลักษณะมีพิรุธต้องสงสัยและตรงกับข้อมูลการข่าวของเจ้าหน้าที่ จึงนำกำลังเข้าไปตรวจค้นรถทั้ง 3 คัน พบกัญชาน้ำหนักรวม 620 กิโลกรัม พร้อมผู้ต้องหา โดยทราบว่าเป็นกลุ่มเพื่อนซึ่งเคยศึกษาอยู่ที่สถาบันเทคนิคแห่งหนึ่งย่านปทุมธานี โดยมีพฤติการณ์ขนส่งยาบ้าและไอซ์เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่บ่อยครั้ง และถูกจับกุมดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ เมื่อพ้นโทษออกมา จึงรวมตัวกลุ่มเพื่อนและรุ่นน้องมาร่วมกันขนส่งยาเสพติดอีก

ด้านนายบัณฑิต ลีลาพตะ ผู้อำนวยการส่วนอำนวยการบังคับใช้กฎหมาย สำนักงาน ป.ป.ส. เปิดเผยว่า ขณะนี้กัญชาถือว่ายังเป็นยาเสพติดตามกฎหมาย แต่จะมีการปลดล็อกหลังวันที่ 9 มิถุนายนนี้ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งตามหลักแล้วจะต้องมี พ.ร.บ.กัญชา มากำกับการบังคับใช้ แต่เนื่องจากยังร่างไม่แล้วเสร็จ จึงไม่อาจบังคับใช้ได้ทันในวันดังกล่าว ทำให้ยาเสพติดประเภทกัญชาทุกประเภทถือว่าเป็นยาเสพติดที่ไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งประชาชนต้องตรวจสอบตามข้อกฎหมายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะสามารถปลูกหรือนำมาเสพอย่างไรโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ส่วนผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวที่มีการจับกุมนี้ หรือในคดีอื่น ๆ หลังวันที่ 9 มิถุนายน จะต้องมีการปล่อยตัวผู้ต้องหาและผู้ต้องขังที่อยู่ภายในเรือนจำทั้งหมด


ส่วนเรื่องการนำเข้ากัญชามาจากพื้นที่ชายแดน ถึงแม้ในวันที่ 9 มิถุนายน จะไม่ผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก็ยังไปผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.กรมศุลกากร และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

อีกคดีเป็นการจับกุมของชุดสืบสวนสอบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 8 ซึ่งได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า มีญาติติดพนันออนไลน์ นำรถยนต์ไปจำนำกับเว็บไซต์แห่งหนึ่ง แต่กลับถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยเว็บไซต์ดังกล่าวคิดดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน หรือกว่าร้อยละ 120 ต่อปี นอกจากนี้ยังมีการคิดค่าที่จอดรถ คันละ 1,000-1,500 บาท อีกทั้งในระหว่างการทำสัญญากู้ยืมเงิน พบว่าใบสัญญาและเอกสารที่ใช้เกี่ยวข้อง เป็นเอกสารเปล่า ไม่ได้มีการระบุยอดเงินหรือรายละเอียดของสัญญาให้ชัดเจน จึงทำให้ลูกหนี้หลายคนได้รับความเดือดร้อน

ชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 8 จึงได้นำกำลังไปติดตามกลุ่มผู้ต้องหาและจุดฝากรถต่าง ๆ บริเวณลานจอดรถชั้นใต้ดินห้างสรรพสินค้าย่านศรีนครินทร์ และจุดจอดรถในซอยสุภาพงษ์ พบว่ามีรถยนต์ที่ถูกนำมาจอดไว้ในแต่ละจุด รวมแล้วเกือบ 100 คัน และยังมีรถจักรยานยนต์อีกเกือบ 20 คัน


ชุดสืบสวนจึงนำกำลังเข้าไปตรวจค้นจับกุม นายณัฐพงษ์ อายุ 28 ปี เจ้าของกิจการ พร้อมลูกจ้างอีก 6 คน และตรวจยึดเอกสารสัญญากู้เงินที่เกี่ยวข้องกับคดีจำนวนมาก และแจ้งข้อหาเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.เงินกู้ รวมถึงตรวจสอบข้อมูลของเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่า แม้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปจับกุมเครือข่ายดังกล่าว แต่พบว่าเว็บไซต์ยังคงเปิดให้บริการอยู่ในช่วงขณะที่กำลังแถลงข่าว เมื่อสอบถาม พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ชี้แจงว่า ขณะนี้ได้มีการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ดังกล่าวแล้ว และจะมีการขยายผลไปถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ส่วนการตรวจสอบพบว่า ขณะนี้ยังมีแอดมินและเจ้าหน้าที่บางส่วนที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ ซึ่งจะมีการขยายผลต่อไป

สุดท้ายเป็นการจับกุมของกองกำกับสวัสดิภาพเด็กและสตรี ที่ขยายผลกวาดล้างเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และค้าประเวณีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการตั้งตนเป็นโมเดลลิ่ง และเปิดให้บริการค้าประเวณีเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี ได้ 3 โมเดลลิ่ง สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 คน หลังฝ่ายสืบสวนได้มีการนัดหมายล่อซื้อที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งย่านบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร พบหญิงสาวชาวลาว 5 คน ไม่พบเอกสารประจำตัว เมื่อตรวจสอบโดยละเอียดพบว่ามีเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 2 คน อายุ 13 ปี และ 14 ปี

จากการสอบปากคำหญิงสาวทั้ง 2 คน ทราบว่า ถูกติดต่อชักชวนมาจากประเทศลาว เข้ามาค้าประเวณีในประเทศไทยโดยนั่งเรือข้ามฟากข้ามมาบริเวณอำเภอปากชม จังหวัดเลย ก่อนจะมีหนึ่งในผู้ต้องหาขับรถไปรับและนำมาส่งให้กับลูกค้าตามที่มีการว่าจ้างจากโมเดลลิ่งทั้ง 3 แห่ง ทั้งนี้ ตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผลไปถึงผู้ร่วมกระทำความผิดและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“โรม” ตั้งกระทู้ถามปมคุณสมบัติ ปธ.กสทช.

“โรม” ตั้งกระทู้ถาม ปม คุณสมบัติ ปธ.กสทช. ปูดคนรัฐบาลมีความสัมพันธ์กับ กสทช. เรื่องจึงไม่ขยับ ด้าน “ประเสริฐ” ปัดดองเรื่อง ขณะนี้ยื่นศาลรธน.ตีความแล้ว รอคำวินิจฉัย ยืนยันรัฐบาลแยกแยะเรื่องส่วนตัวจากการทำงาน ยึดประโยชน์ประชาชน

“อนุทิน” สั่งยกระดับเข้มงวดเข้าออกจุดผ่านแดนไทย

“อนุทิน” สั่งยกระดับความเข้มงวดในการเข้าออกจุดผ่านแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ป้องกัน ปราบปราม ยาเสพติด อาชญากรรมทุกประเภท ภายใต้ปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี

จับเว็บพนัน

ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง มีนักแสดงตัวประกอบเอี่ยวด้วย

ตำรวจไซเบอร์ ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง พบเงินหมุนเวียนเดือนละ 100 ล้าน มีนักแสดงตัวประกอบร่วมขบวนการ

เปิดใจผู้รอดชีวิตจากรถบัสมรณะ 18 ศพ

โศกนาฏกรรมรถบัสมรณะ 18 ศพ สร้างความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ให้กับชาว อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ วันนี้ทีมข่าวสำนักข่าวได้สัมภาษณ์เปิดใจผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ราวกับปาฏิหาริย์

ข่าวแนะนำ

อากาศร้อนตอนกลางวัน ภาคใต้ฝนน้อย

กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบนอากาศร้อนตอนกลางวัน ฝนฟ้าคะนองบางแห่ง บริเวณภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล และภาคตะวันออก ภาคใต้ฝนน้อย

จับ “เจ๊เล็ก” พร้อมเลขาคนสนิท เอี่ยวแก๊งคอลฯ

ปฏิบัติการ “ปิดเมืองคอน สยบภัยออนไลน์” ตำรวจจับผู้ต้องหาได้จำนวนมาก ในจำนวนนี้มี “เจ๊เล็ก” อดีตรองนายกเทศมนตรี กับเลขาคนสนิท เอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์

สั่งขัง “พิตบูล” 15 วัน หลังกัดหัวเด็ก 8 ขวบสาหัส

เหตุสุนัข “พิตบูล” บุกขย้ำศีรษะเด็ก 8 ขวบในบ้านพัก ล่าสุด เด็กอาการปลอดภัย แต่ต้องเย็บถึง 55 เข็ม ด้านสาธารณะสุขเทศบาลปากเกร็ด สั่งขังสุนัข 15 วัน ห่วงติดเชื้อพิษสุนัขบ้า พร้อมวางกรอบ ป้องกันเหตุซ้ำรอย

นายกฯ ตรวจด่านชายแดนบ้านคลองลึก ดูการตัดสัญญาณ

นายกฯ ตรวจด่านชายแดนบ้านคลองลึก รับฟังมาตรการคัดกรองคนผ่านชายแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว พร้อมดูการตัดสัญญาณ-ลดสัญญาณอินเทอร์เน็ต สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์