ตร.นครบาล แถลงผลจับกุมคดีสำคัญในพื้นที่ 4 คดี

กรุงเทพฯ 30 พ.ค. – ตำรวจนครบาลแถลงผลการจับกุมคดีสำคัญในพื้นที่ 4 คดี เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ยาเสพติด และการปล่อยกู้ดอกเบี้ยโหด


คดีแรกเป็นการจับกุมยาเสพติดประเภทกัญชา 620 กิโลกรัม รถยนต์ 3 คัน พร้อมผู้ต้องหา 9 คน หนึ่งในนั้นเป็นเยาวชนอายุ 16 ปี โดยตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 สืบสวนขยายผลจากการจับกุมกลุ่มลักลอบขนส่งไอซ์เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากนั้นจึงทราบว่า เครือข่ายดังกล่าวยังมีการลำเลียงขนส่งยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ อีกลอตหนึ่ง กระทั่งวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตรวจพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มแก๊งดังกล่าวจะมีการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากเข้าในพื้นที่ จึงนำกำลังติดตามที่ลานจอดรถของสถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาดอนหวาย อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา พบรถตู้ทึบ ลักษณะมีพิรุธต้องสงสัยและตรงกับข้อมูลการข่าวของเจ้าหน้าที่ จึงนำกำลังเข้าไปตรวจค้นรถทั้ง 3 คัน พบกัญชาน้ำหนักรวม 620 กิโลกรัม พร้อมผู้ต้องหา โดยทราบว่าเป็นกลุ่มเพื่อนซึ่งเคยศึกษาอยู่ที่สถาบันเทคนิคแห่งหนึ่งย่านปทุมธานี โดยมีพฤติการณ์ขนส่งยาบ้าและไอซ์เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่บ่อยครั้ง และถูกจับกุมดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ เมื่อพ้นโทษออกมา จึงรวมตัวกลุ่มเพื่อนและรุ่นน้องมาร่วมกันขนส่งยาเสพติดอีก

ด้านนายบัณฑิต ลีลาพตะ ผู้อำนวยการส่วนอำนวยการบังคับใช้กฎหมาย สำนักงาน ป.ป.ส. เปิดเผยว่า ขณะนี้กัญชาถือว่ายังเป็นยาเสพติดตามกฎหมาย แต่จะมีการปลดล็อกหลังวันที่ 9 มิถุนายนนี้ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งตามหลักแล้วจะต้องมี พ.ร.บ.กัญชา มากำกับการบังคับใช้ แต่เนื่องจากยังร่างไม่แล้วเสร็จ จึงไม่อาจบังคับใช้ได้ทันในวันดังกล่าว ทำให้ยาเสพติดประเภทกัญชาทุกประเภทถือว่าเป็นยาเสพติดที่ไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งประชาชนต้องตรวจสอบตามข้อกฎหมายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะสามารถปลูกหรือนำมาเสพอย่างไรโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ส่วนผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวที่มีการจับกุมนี้ หรือในคดีอื่น ๆ หลังวันที่ 9 มิถุนายน จะต้องมีการปล่อยตัวผู้ต้องหาและผู้ต้องขังที่อยู่ภายในเรือนจำทั้งหมด


ส่วนเรื่องการนำเข้ากัญชามาจากพื้นที่ชายแดน ถึงแม้ในวันที่ 9 มิถุนายน จะไม่ผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก็ยังไปผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.กรมศุลกากร และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

อีกคดีเป็นการจับกุมของชุดสืบสวนสอบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 8 ซึ่งได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า มีญาติติดพนันออนไลน์ นำรถยนต์ไปจำนำกับเว็บไซต์แห่งหนึ่ง แต่กลับถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยเว็บไซต์ดังกล่าวคิดดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน หรือกว่าร้อยละ 120 ต่อปี นอกจากนี้ยังมีการคิดค่าที่จอดรถ คันละ 1,000-1,500 บาท อีกทั้งในระหว่างการทำสัญญากู้ยืมเงิน พบว่าใบสัญญาและเอกสารที่ใช้เกี่ยวข้อง เป็นเอกสารเปล่า ไม่ได้มีการระบุยอดเงินหรือรายละเอียดของสัญญาให้ชัดเจน จึงทำให้ลูกหนี้หลายคนได้รับความเดือดร้อน

ชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 8 จึงได้นำกำลังไปติดตามกลุ่มผู้ต้องหาและจุดฝากรถต่าง ๆ บริเวณลานจอดรถชั้นใต้ดินห้างสรรพสินค้าย่านศรีนครินทร์ และจุดจอดรถในซอยสุภาพงษ์ พบว่ามีรถยนต์ที่ถูกนำมาจอดไว้ในแต่ละจุด รวมแล้วเกือบ 100 คัน และยังมีรถจักรยานยนต์อีกเกือบ 20 คัน


ชุดสืบสวนจึงนำกำลังเข้าไปตรวจค้นจับกุม นายณัฐพงษ์ อายุ 28 ปี เจ้าของกิจการ พร้อมลูกจ้างอีก 6 คน และตรวจยึดเอกสารสัญญากู้เงินที่เกี่ยวข้องกับคดีจำนวนมาก และแจ้งข้อหาเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.เงินกู้ รวมถึงตรวจสอบข้อมูลของเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่า แม้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปจับกุมเครือข่ายดังกล่าว แต่พบว่าเว็บไซต์ยังคงเปิดให้บริการอยู่ในช่วงขณะที่กำลังแถลงข่าว เมื่อสอบถาม พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ชี้แจงว่า ขณะนี้ได้มีการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ดังกล่าวแล้ว และจะมีการขยายผลไปถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ส่วนการตรวจสอบพบว่า ขณะนี้ยังมีแอดมินและเจ้าหน้าที่บางส่วนที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ ซึ่งจะมีการขยายผลต่อไป

สุดท้ายเป็นการจับกุมของกองกำกับสวัสดิภาพเด็กและสตรี ที่ขยายผลกวาดล้างเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และค้าประเวณีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการตั้งตนเป็นโมเดลลิ่ง และเปิดให้บริการค้าประเวณีเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี ได้ 3 โมเดลลิ่ง สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 คน หลังฝ่ายสืบสวนได้มีการนัดหมายล่อซื้อที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งย่านบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร พบหญิงสาวชาวลาว 5 คน ไม่พบเอกสารประจำตัว เมื่อตรวจสอบโดยละเอียดพบว่ามีเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 2 คน อายุ 13 ปี และ 14 ปี

จากการสอบปากคำหญิงสาวทั้ง 2 คน ทราบว่า ถูกติดต่อชักชวนมาจากประเทศลาว เข้ามาค้าประเวณีในประเทศไทยโดยนั่งเรือข้ามฟากข้ามมาบริเวณอำเภอปากชม จังหวัดเลย ก่อนจะมีหนึ่งในผู้ต้องหาขับรถไปรับและนำมาส่งให้กับลูกค้าตามที่มีการว่าจ้างจากโมเดลลิ่งทั้ง 3 แห่ง ทั้งนี้ ตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผลไปถึงผู้ร่วมกระทำความผิดและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]

“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ชายแดนสันติ

จีน 15 ส.ค.-“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติ พร้อมขอบคุณที่เห็นความจำเป็นในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เห็นพ้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบรับคำเชิญของ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในการเข้าร่วมจิบน้ำชาและหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย และกัมพูชา ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายมาริษ ได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ และการบังคับใช้ให้เกิดการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนของอาเซียน พร้อมยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่ไทย-กัมพูชา ต้องร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันถึงความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล เนื่องจากเป็นก้าวสำคัญในการลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเป็นปกติสุขในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ นายมาริษ ยังได้กล่าวขอขอบคุณ นายหวัง อี้ […]