สิ้นข้อสงสัย ที่แท้ “แม่” ส่งมือถือแตงโมให้ “บังแจ็ค”

25 พ.ค. – ในที่สุดสังคมสิ้นข้อสงสัยว่าใครเป็นคนนำข้อมูลภาพ-คลิปโพสต์ในโซเชียล ในเฟซบุ๊กของแตงโมแล้ว หลังทนายเดชายอมรับว่า แม่เป็นคนส่งมือถือแตงโมให้บังแจ็คที่อเมริกา เพราะแม่ต้องการกู้ภาพหลักฐานถูกฆาตกรรม ด้านทนายตั้ม โพสต์เฟซบุ๊กหลังทราบเรื่องดังกล่าว


นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของแม่แตงโม ภัทรธิดา แถลงข่าวด่วนประเด็นโทรศัพท์มือถือแตงโมอยู่ที่ใคร? โดยเปิดเผยว่า เมื่อช่วงบ่ายได้โทรศัพท์พูดคุยกับนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน หรือแม่ของแตงโม ซึ่งแม่แตงโมยอมรับแล้วว่าได้ส่งโทรศัพท์มือถือให้กับ “บังแจ็ค” ผ่านทางพัสดุไปรษณีย์ไปที่สหรัฐ โดยเสียค่าใช้จ่ายในการส่ง 2,500 บาท ส่งมือถือไปช่วงก่อนวันที่ 21 พฤษภาคม ก่อนจะพบว่ามีการเริ่มโพสต์ภาพในเพจเฟซบุ๊กที่อ้างว่าเป็นของแตงโมหลายเพจ

สาเหตุที่แม่ส่งไปเพราะไว้ใจ “บังแจ็ค” หลังบังแจ็คโทรศัพท์มาคุยหลายรอบ และก็พูดคุยปรับทุกข์หลังจากเกิดเหตุ จนล่าสุดบังแจ็คได้กล่าวอ้างว่าในมือถือของแตงโมมีรูปภาพ และคลิปวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของแตงโมที่เป็นการฆาตกรรม และต้องการโทรศัพท์มือถือไปตรวจสอบ ด้วยความไว้ใจและต้องการทราบความจริง แม่แตงโมจึงยอมส่งโทรศัพท์มือถือไปให้ หลังจากที่ได้คืนมาจากพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม


ส่วนแม่ของแตงโมจะได้รับค่าตอบแทนจากบังแจ็คหรือไม่ ทนายเดชาบอกว่า ไม่ทราบและเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด แม่ของแตงโมจะแถลงด้วยตัวเองอีกครั้งหลังจากนี้อีก 2 วัน ซึ่งแม่บอกเป็นสิทธิ์ของแม่ที่จะพูดคุยกับใครก็ได้

ล่าสุดนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม โพสต์เฟซบุ๊กแทนอารมณ์คนไทย หลังทราบเรื่องดังกล่าวว่า “แม่แบบไหนกันครับ ที่สามารถขายมือถือของลูกสาวให้กับมิจฉาชีพที่มีคดีมากมายในไทย โดยให้เครดิตคนๆ นั้น บอกสังคมว่าอย่าไปว่าเลย แม่เห็นเขาเป็นคนดีเพราะเขาพูดเพราะ จนทำให้ข้อมูลส่วนตัว ของลูกสาวที่เสียชีวิตในโศกนาฏกรรมแสนเศร้า ต้องหลุดออกไปอย่างไม่น่าให้อภัย ชาตินี้ก็พอนะครับ อย่าขอไปถึงชาติหน้าเลย สงสารน้องแตงโม”

ย้อนไปฟังสิ่งที่แม่กล่าวอาลัยก่อนพิธีฌาปนกิจด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ยังคิดถึงลูกทุกวัน เหมือนคนบ้าที่นั่งร้องไห้กับรูปของลูก และหากชาติหน้ามีจริงขอให้ได้เกิดเป็นแม่ลูกกันอีก ขอให้อภัยให้แม่ด้วย”


ขณะที่ทนายเดชา ยืนยันว่าภาพที่ถูกโพสต์ในเพจของแตงโม และในเฟซบุ๊กที่อ้างตัวว่าเป็นแตงโม รวมทั้งไลน์ ส่วนตัวก็เชื่อว่า บังแจ็คเป็นคนทำเองทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ได้ประสานงานกับเพื่อนที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา ให้ช่วยประสานกับตำรวจ FBI ให้ติดตามตัวบังแจ็คมาดำเนินคดีแล้ว เนื่องจากมีการส่งภาพที่ไม่เหมาะสมมาที่หลายบุคคล ส่วนความผิดที่เกิดขึ้นในไทย ใครที่เป็นผู้เสียหายก็สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้

ด้านนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม วันนี้ยังคงเดินหน้าตามหาหลักฐานการเสียชีวิตของแตงโม เป็นคดีฆาตกรรม โดยระบุว่ามีหลักฐานสำคัญบางอย่าง ที่จะยืนยันได้ว่ามีการทำร้ายร่างกายกันบนเรือจริง โดยมีพลเมืองดีส่งให้ เเต่หลักฐานดังกล่าวจะขอเปิดเผยภายหลังจากที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษเเล้วเท่านั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเกลี้ยกล่อมเจ้าของหลักฐานให้มาเป็นพยานให้ เนื่องจากเจ้าของหลักฐานยังหวาดกลัวว่าจะได้รับอันตราย

โดยระหว่างที่นายอัจฉริยะ ไปออกรายการดัง มีช่วงหนึ่งได้นำภาพชายหญิง ยืนด้วยกันที่หัวเรือ เวลา 22.07 น. มาเปิดในรายการ พร้อมโต้ตอบกับกระติก ว่าบุคคลในภาพเป็นใคร กระติกตอบว่า เป็นภาพแตงโมยืนพิงกับปอ และเป็นจังหวะที่แตงโมด่าปอ ว่า “มึงเป็น…อะไรของมึง พร้อมกับสบถคำด่าออกมา” ทำให้ชาวเน็ตเกิดข้อสงสัยว่า แตงโมด่าปอ เพราะปอกำลังทำอะไรแตงโม

นายอัจฉริยะ ยังกล่าวอีกว่า ยังคาใจเรื่องกล้องวงจรปิดของอู่เรือ NBC ซึ่งมีอยู่ 8 ตัว ที่จะสามารถตอบคำถามได้ว่ามีใครทำอะไรกับเรือหลังเกิดเหตุหรือไม่ เเต่ทางอู่เรือกลับบอกว่ากล้องเสีย ซึ่งตัวเเปรสำคัญของเรื่องนี้คือเจ้าของอู่เรือตัวจริง หรือที่ทุกคนเรียกกันว่า “เฮียเซียะ” ส่วนนายบอล เป็นเพียง “โบ๊ทเเมน” หรือคนที่ทำหน้าที่เอาเรือขึ้นลงเท่านั้น ไม่ใช่เจ้าของอู่เรือ จึงอยากขอให้ตำรวจเรียกเฮียเซียะมาสอบปากคำ เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่ามีการทำลายพยานหลักฐานหรือไม่

ส่วนโทรศัพท์ รวมถึงเรืองการปล่อยภาพลับของเเตงโม ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ ช่วงเวลา 10.00 น. จะเดินทางไปที่สำนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี เพื่อยื่นร้องขอความเป็นธรรม ประเด็นสร้างหลักฐานเท็จ เพื่อขอให้อัยการมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวน ทพการสอบสวนคดีนี้เพิ่มเติม จากนั้นเวลา 13.00 น. จะเดินทางไปกองบังคับการปราบปราม เเจ้งความเอาผิดกระติก ฐานให้การเท็จ จากกรณีเรื่องภาพถ่าย เพื่อให้ตำรวจสืบหาข้อเท็จจริง ส่วนวันศุกร์ จะเดินทางไปที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ป.) เพื่อเเจ้งความเอาผิดผู้กำกับการ สภ.เมืองนนทบุรี ข้อหาเเจ้งความเท็จด้วย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ใหญ่บ้านมอบตัว คดียิงชายใหม่ของเมียเก่า ดับคากระบะ

นนทบุรี 20 พ.ค. – ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด บุกยิงกิ๊กของอดีตภรรยา 6 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ มอบตัวแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้งหลายข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าตัวฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต นายอานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หึงโหด บุกยิงนายพลาธิป อายุ 34 ปี อาชีพขับรถส่งหมู ซึ่งเป็นกิ๊กของอดีตภรรยา เสียชีวิตภายในรถกระบะที่จอดอยู่ในซอยลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) จากภาพจะเห็นว่าเมื่อเวลา 21.02 น. เห็นผู้ตายขับรถกระบะมาจอดริมทาง ก่อนมีรถกระบะสีดำอีกคันตามมาจอดปิดท้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น เดินลงจากรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายที่ยังนั่งอยู่ในรถ แล้วหลบหนีไป ช่วงสายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เบิกตัวนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเมื่อราวตี […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ หารือภาคท่องเที่ยวอังกฤษ เปิดตลาดใหม่ ดึง นทท.เข้าไทย

ลอนดอน 22 พ.ค. – นายกฯ หารือภาคท่องเที่ยวอังกฤษ เปิดตลาดท่องเที่ยวใหม่ ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทย ตั้งเป้าปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ทำให้เป็น Tourism Hub ระดับโลก ชี้ 4 เดือนแรก นักท่องเที่ยวยุโรปเข้าไทยแล้วกว่า 3.5 ล้านคน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บริษัทท่องเที่ยวของสหราชอาณาจักร ผู้บริหารสายบิน เป็นต้น เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวของไทย จากนั้น น.ส.แพทองธาร โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียว่า ปีนี้ไทยตั้งเป้าเป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ทำให้ไทยเป็น Tourism Hub ระดับโลก ที่ผ่านมารัฐบาลทำแคมเปญหลายอย่าง โดยเฉพาะการมุ่งเป้าทำให้การใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อคนต่อทริป (Spending […]

ปลาติดเชื้อจากสารเคมีปนเปื้อนในแม่น้ำกก

เชียงราย 22 พ.ค. – วิกฤติน้ำกก หลังพบสารหนู-สารเคมีปนเปื้อนจากการทำเหมืองแร่ ลุกลามไปแม่น้ำสายและแม่น้ำโขงแล้ว ล่าสุดตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ส่วนช้างอาบน้ำในน้ำกกมีผื่นและตุ่มใส ติดเชื้อจนเกิดแผล หลังจากมีการตรวจสอบหาสารหนู และสารเคมีอื่นๆ ในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ทำให้พบว่ามีปริมาณเกินกว่ามาตรฐานหมายเท่าตัว จากการทำเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ซึ่งทางกรมประมงได้ติดตามการติดเชื้อของปลาในแม่น้ำทั้ง 3 สาย โดยนำปลาที่ชาวประมงพื้นบ้านจับได้จากแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง นำมาตวรจสอบหาสารตกค้าง และเชื้อโรคที่ปลาได้รับ เพื่อป้องกันการติดเชื้อสู่มนุษย์ หากนำไปบริโภค นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต เปิดเผยว่าสมาคมพยายามจะมอนิเตอร์ปลาในแม่น้ำกก แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง เพื่อติดตามว่ามีการติดเชื้อแพร่กระจายไปถึงไหนบ้าง เพื่อจะเก็บตัวอย่างรีบส่งให้กับทางกรมประมง ในการตรวจหาสาเหตุภายในของปลาว่ามีเชื้ออะไรบ้าง ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ ซึ่งขณะนี้เกิดความวิตก และกังวลใจของชาวประมงที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ที่ต้องหาปลาในแมน้ำ เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นการค้าขายปลาเกิดผลกระทบ ทางเศรษฐกิจในชุมชน คนไม่นิยมปลาจากแม่น้ำ ทำให้ขาดรายได้เลี้ยงชีพ นอกจากนี้ที่บ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พบว่าน้ำในแม่น้ำกกมีลักษณะขุ่นจัด เมื่อเทียบกับลำห้วยสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำ ซึ่งมีน้ำใสกว่ามาก เทศบาลตำบลแม่ยาวได้เร่งติดตั้งป้ายเตือนประชาชน […]

“ยิ่งลักษณ์” โพสต์ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ

กรุงเทพฯ 22 พ.ค.-“ยิ่งลักษณ์” โพสต์หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งชดใช้ 10,028 ล้านคดีจำนำข้าว ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ รับภาระหนี้จากฝ่ายปฏิบัติ ลั่นหนี้หมื่นล้านชดใช้ทั้งชีวิตยังไงก็ไม่มีวันหมด ทำเพื่อชาวนากลับมีบทสรุปที่เจ็บปวด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความภายหลัง ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตฐานะประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติต้องชดใช้ค่าเสียหายส่วนระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี 10,028 ล้านบาท ว่า “เรียน พี่น้องประชาชนที่เคารพ วันที่ 22 พฤษภาคมปีนี้ เป็นวันครบรอบ 11 ปี รัฐประหาร ซึ่งถือเป็นการยึดอำนาจอธิปไตยของประชาชนทั้งประเทศ และเป็นวันที่ศาลปกครองสูงสุด อ่านคำวินิจฉัยให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้กว่า 10,000 ล้านบาท จากคดีระบายข้าว ทั้งที่ดิฉันไม่ได้เป็นจำเลยในคดีนี้ และศาลปกครองกลางได้เคยวินิจฉัยว่าดิฉันไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีดังกล่าวมาแล้ว จากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ ทำให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ความเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารที่ต้องมารับภาระหนี้ที่เกิดจากการระบายข้าวของฝ่ายปฏิบัติ โดยที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านั้นแต่อย่างใด และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็พิพากษาในคดีของดิฉันว่า ปล่อยปละละเลยในการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเท่านั้น นโยบายรับจำนำข้าว เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย และเป็นนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องปฏิบัติ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศจากฐานราก […]

ศาลปกครองสูงสุด สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้านบาท

22 พ.ค. – ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ก.คลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีที่กระทรวงการคลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351 /2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังเฉพาะส่วน ให้ชดใช้จำนวน 10,028 ล้านบาท และเพิกถอนคำสั่งยึดอาญัติทรัพย์สิน เพื่อขายทอดตลาด และคำสั่งอื่น โดยเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำอุทธรณ์ฟังขึ้นบางส่วน ศาลพิจารณาว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการจำนำข้าวเปลือกนาปี แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายการระบายข้าวโดยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี จากความเสียหาย 20,057 ล้านบาท เพราะประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย และต้องกำหนดสัดส่วนรับผิด ร้อยละ 50 […]