3 คนบนเรือ-กุนซือเอ็ม รับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มคดีแตงโม

นนทบุรี 21 พ.ค.- โซเชียลร้อนระอุ! หลังมีบุคคลปริศนาโพสต์รูปพร้อมข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวของแตงโม นิดา ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่าใครเป็นคนทำ ด้าน 3 คนบนเรือ-กุนซือเอ็ม รับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเเล้วในคดีเเตงโม 


มหากาพย์คดีแตงโม หลังอัยการนนทบุรี สั่งให้ตำรวจสอบพฤติกรรม 5 คนบนเรือและ 1 กุนซือ รวมทั้งเพิ่มข้อหาปรากฏว่ากระติก จ๊อบ เบิร์ต ย่องพบพนักงานสอบสวนรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ขณะที่กระติกเข้าให้การกรณีแจ้งความเอาผิด “จิน -สามีหนิง” ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา นายนิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร หรือ จ๊อบ พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหา คดีการเสียชีวิตของแตงโม นิดา หลังอัยการจังหวัดนนทบุรี มีความเห็นให้แจ้งข้อหาเพิ่ม ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตำรวจใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนเดินออกจากห้องสอบสวน ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ยอมตอบคำถามสื่อมวลชน และเดินขึ้นรถตู้ที่จอดรอหน้าโรงพักออกไปทันที 


สำหรับกระติก หรือ น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ เข้าให้ปากคำ และรับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน ตั้งแต่บ่ายวันที่ 19 พฤษภาคมแล้ว ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี โดยอ้างเหตุผลว่า วันนี้ติดธุระไม่สามารถเดินทางมาได้จึงขอเข้าให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาก่อนนัด 1 วัน 

ขณะที่นายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือโรเบิร์ต ซึ่งอัยการให้เรียกมาสอบเพิ่มเติมในหลายประเด็นที่สอบปากคำไปแล้ว โดยให้สอบลงรายละเอียดเพิ่มขึ้นและรัดกุม ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวน ตั้งแต่  07.30 น. ใช้เวลาสอบปากคำเกือบ 3 ชั่วโมง 

สำหรับนายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ ปอ อัยการให้แจ้งข้อหาเพิ่ม ข้อหาเสพวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประเภท 2 ได้ประสานกับพนักงานสอบสวน จะเข้ามาให้ปากคำพรุ่งนี้ และเมื่อเวลา 14.30 น. นายนายภีม หรือเอ็ม ธรรมธีรศรี กุนซือคนบนเรือ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม ตามหนังสือสั่งการของอัยการจังหวัดนนทบุรี   


คนสุดท้ายนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือ แซน แจ้งว่าติดโควิด-19 อยู่ในช่วงรักษาตัวไม่สามารถเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาได้ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะประชุมหาข้อสรุปกันอีกครั้งว่าจะใช้วิธีใดในการสอบปากคำ เพื่อให้ส่งสำนวนการสอบปากคำเพิ่มเติมกับอัยการจังหวัดได้ทันการสั่งฟ้อง 27 พฤษภาคมนี้

และเมื่อช่วงเวลา 14.10 น.ที่ผ่านมา น.ส.อิจศรินทร์ หรือ กระติก เดินทางไปที่ สน.มีนบุรี เข้าให้การกรณีแจ้งความดำเนินคดีนายจรินทร์ ธรรมวัฒนะ หรือจิน สามีของ น.ส.ปณิตา ธรรมวัฒนะ หรือหนิง ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีแสดงความคิดเห็นในอินสตาแกรมของ น.ส.ปณิตา ที่โพสต์ภาพ นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน ซึ่งถ่ายรูปคู่กับ น.ส.อิจศรินทร์ พร้อมนำพยานบุคคลทั่วไป ที่อ่านโพสต์ดังกล่าว เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน เพิ่มอีก 1 คน แม้จะมีคนมองว่าพยานคนนี้ อาจเป็นฝ่ายเดียวกับผู้ถูกกล่าวหา แต่สามารถกระทำได้ เนื่องจากต้องไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงในชั้นศาลจึงไม่มีความกังวล

กระติกยังกล่าวถึงการเดินทางไปรับทราบข้อหาร่วมกันประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองนนทบุรีว่า ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การในชั้นศาลอีกครั้ง  

ขณะที่ในโซเชียลกลับมาร้อนระอุอีกครั้ง เมื่อมีบุคคลลึกลับโพสเฟซบุ๊กของแตงโม “Happy Melon Patcharaveerapong” แบบรัวๆ หลังโพสต์ครั้งสุดท้ายเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ โดยมีการโพสต์เมื่อเวลา 11.23 น. วันนี้ เป็นภาพหญิงสาวสวมกระโปรงยาว กำลังหันหลังโบกมือ 2 ข้าง พร้อมระบุข้อความ “หนูถูกทำร้ายจากเพื่อนที่เรารักแล้วไว้ใจ พร้อมอิโมจิหน้าสงสัย ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่าใครเป็นคนโพสต์ภาพและข้อความดังกล่าว หรือเป็นการแฮกเข้ามาปั่นกระแสหรือไม่”

และล่าสุด เมื่อเวลา 16.01 น. เพจของแตงโม กลับมาโพสต์รูปและข้อความ ครั้งที่ 2 ของวัน เป็นรูปถ่ายหมู่ที่แตงโมกำลังเซลฟี่บนเรือ ที่มีฉากหลังเป็นกลุ่มเพื่อนที่ตกเป็นผู้ต้องหา ทั้งปอ กระติก แซน พร้อมระบุข้อความ เรายังไม่ไปไหน เรายังรอความจริงจากปากทั้ง 5 คนอยู่ แต่ถ้ายังไม่พูดความจริง เราจะเปิดความจริงให้ทุกคนได้รับรู้พร้อมกัน ว่าเหตุเกิดบนเรือคืออะไร ลบข้อมูลมือถือ อย่าคิดว่ากู้คืนไม่ได้หรือ ไอ้เพื่อนรัก 

ซึ่งในเรื่องนี้ กระติก ยอมรับว่าหญิงสาวที่หันหลังคือภาพของตัวเอง แต่ไม่ได้เป็นคนโพสต์ แตงโมเป็นคนถ่ายในช่วงขากลับ หลังไปทานข้าว คนที่จะมีรูปนี้ต้องมีโทรศัพท์แตงโม ซึ่งตำรวจได้คืนโทรศัพท์ของกลางไปเป็นสัปดาห์แล้ว ไม่ทราบว่าโทรศัพท์อยู่กับใคร แต่ยืนยันว่าไม่ได้อยู่กับตัวเอง เพราะไม่ใช่ทรัพย์สมบัติส่วนตัว มีเพื่อนมาบอกว่าเห็นบัญชีคลับเฮ้าส์ของแตงโมขึ้นออนไลน์ แสดงว่ามีคนใช้โทรศัพท์ของแตงโม ขณะที่นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของแม่แตงโม ก็ปฏิเสธว่าแม่ของแตงโม ไม่ได้เล่นเฟซบุ๊คของลูกสาว แต่เท่าที่อ่านข้อความในโพสต์ พบว่าเป็นการกล่าวหาตนในลักษณะยุยงปลุกปั่นให้ได้รับความเสื่อมเสียชัดเจน จึงจะขอรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินคดีภายหลัง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย